วันนี้ (24 ม.ค.2562) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีมแถลงเปิดนโยบาย 3 พันธกิจ คือ 7 สวัสดิการประชารัฐ 7 สังคมประชารัฐ และ 7 เศรษฐกิจประชารัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย โดยหัวหน้าพรรคอาสาจะนำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย จะเป็นประชาธิปไตยของทุกฝ่าย พร้อมนัดลงมติวันที่ 28 ม.ค.นี้ เพื่อเลือกผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกิน 3 ชื่อ ก่อนส่งให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันสุดท้ายของการเปิดสมัครเลือกตั้ง ส.ส. โดยหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แย้มว่ามีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เรียกว่า "แย้มชื่อ" นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ ว่าในขั้นตอนนี้มีชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รวมอยู่ด้วย แต่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่ายังไม่สามารถระบุได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามบุคคลใด ก่อนจะยืนยันว่า เมื่อทราบชื่อทั้งหมด จะมีเฮทั้งประเทศ และเฮที่ว่านี้ คือพอใจแน่นอน
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ยืนยันถึงการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะยังอยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็นภายในพรรค หากจะทาบทามก็ไม่ใช่เจตนาที่จะสืบทอดอำนาจใด ๆ
ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ แจกแจง 7 นโยบายที่ตอบโจทย์สวัสดิการประชารัฐ คือ บัตรประชารัฐ, สวัสดิการรายกลุ่ม, สวัสดิการคนเมือง, หมดหนี้มีเงินออม, สิทธิเฉพาะกลุ่ม, โครงการบ้านล้านหลัง, บ้านสุขใจวัยเกษียณ และสิทธิที่ดินทำกิน
ส่วน 7 นโยบายที่ตอบโจทย์สังคมประชารัฐ คือ การศึกษา 4.0, กระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค, สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้าน, ชุมชนประชารัฐร่วมพัฒนาบ้านเกิด, เมืองอัจฉริยะสีเขียว, สังคมประชารัฐสีขาว, และ Bangkok 5.0 และสุดท้าย 7 นโยบายตอบโจทย์เศรษฐกิจประชารัฐ คือ ยกระดับความสามารถผู้ผลิต, ก้าวสู่เกษตรประชารัฐ 4.0, กระจายรายได้-กระจายโอกาส, ชูเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจแบ่งปัน, สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต และลดอุปสรรค-เพิ่มโอกาสทำธุรกิจ