ความคืบหน้าเหตุระเบิดโบสถ์คริสต์และโรงแรมในกรุงโคลัมโบ 8 จุด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 207 คน วันนี้ (22 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตรอรับศพด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งรวมตัวกันบริเวณด้านนอกโบสถ์เซนต์ แอนโธนี ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เกิดเหตุระเบิดในกรุงโคลัมโบ ศรีลังกา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
กรมสารนิเทศศรีลังกา เปิดเผยว่า รัฐบาลมีคำสั่งประกาศเคอร์ฟิวรอบใหม่ หลังสถานการณ์ในประเทศยังตึงเครียด โดยห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล ตั้งแต่เวลา 20.00-04.00 น. ของเช้าวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวไปเมื่อช่วงเช้า ขณะที่ตำรวจและทหารศรีลังกา ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและเก็บรวบรวมหลักฐานภายในโบสถ์เซนต์ เซบาสเตียน และเริ่มเคลื่อนย้ายเศษซากปรักหักพังจากจุดเกิดเหตุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขศรีลังกาและโฆษกคณะรัฐมนตรีศรีลังกา เปิดเผยว่า รัฐบาลเชื่อว่ากลุ่มเนชั่นแนล ธอว์ฟีค จามาอัต (เอ็นทีเจ) ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในประเทศ เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเมื่อวานนี้ (21 เม.ย.) และอาจได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนอย่างละเอียด
จับผู้ต้องสงสัย 24 คน
ขณะที่นายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกา ระบุว่า รัฐบาลศรีลังกาจะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างชาติในการสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มก่อการร้ายในประเทศและต่างชาติ นอกจากนี้ยังได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในการควบคุมตัวและสอบสวนผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องใช้หมายศาล และรักษาความปลอดภัยได้เข้มงวดมากขึ้น
ล่าสุด ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยไปแล้วอย่างน้อย 24 คน พร้อมระบุว่า เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นหลายจุดเป็นฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตาย 7 คน โดยมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 คน ก่อเหตุระเบิดที่โรงแรมแชงกรี ลา ที่เหลือก่อเหตุในโรงแรมอีก 2 แห่ง และโบสถ์อีก 3 แห่ง
สหรัฐฯ เตือนอาจเกิดก่อการร้ายซ้ำในศรีลังกา
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเตือนพลเรือนอเมริกันในศรีลังกาให้เฝ้าระวังความปลอดภัย พร้อมเตือนว่า กลุ่มก่อการร้ายอาจวางแผนก่อเหตุโจมตีซ้ำในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยว ศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและศูนย์การค้า รวมทั้งพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ขณะที่ผู้นำชุมชนชาวมุสลิมในศรีลังกา เรียกร้องให้รัฐบาลคุ้มครองความปลอดภัยสถานที่สำคัญทางศาสนา พร้อมทั้งดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตี
ก่อนหน้านี้ มีรายงานอ้างเอกสารราชการว่า ตำรวจศรีลังกาออกประกาศเตือนเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า หน่วยงานข่าวกรองต่างชาติให้ข้อมูลว่า กลุ่มเอ็นทีเจกำลังวางแผนโจมตีโบสถ์หลายแห่งและสถานทูตอินเดียในศรีลังกา แต่ปรากฎว่าไม่มีการรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ ทำให้เกิดคำถามเรื่องความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี ทำให้ไม่สามารถรับมือสถานการณ์ก่อการร้ายได้ทันท่วงที