วันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.2562 ) กระทรวงพลังงาน เตรียมประชุมแผนรับมือราคาน้ำมันพุ่ง หาแนวทางช่วยเหลือไม่ให้กระทบค่าครองชีพประชาชน พร้อมใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยุง 1 บาทต่อลิตร
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมรับมือสถานการณ์พลังงานโลก จากเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุดิอาระเบียว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 17 ก.ย.62 ) จะเรียกประชุมคณะกรรมบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วาระพิเศษเพื่อร่วมหารือมาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพของประชาชน หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 16 ก.ย.62 ) ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้นอยู่ที่ 71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและปรับลดลง มาอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็นการปรับขึ้นร้อยละ 12 ของราคาน้ำมัน เฉลี่ยปรับขึ้นร้อยละ 6-7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะมีผลต่อราคาน้ำมันในประเทศที่จะต้องปรับขึ้นลิตรละ 1 บาท
จะขอใช้เวลาในการประเมิน 48 ชั่วโมงก่อนจะสรุปว่าจะต้องออกมาตรการใดเพื่อดูแลราคาน้ำมันในประเทศไม่ให้กระทบต่อประชาชน เพราะปัจจุบันกองทุนฯมีเงินอยู่ประมาณ 40,000 ล้านบาท ที่สามารถดูแลได้ หรือให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันชะลอการปรับขึ้นน้ำมันออกไปก่อน
เบื้องต้น ได้ประเมินว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อประมาณ 1 สัปดาห์จะทำให้อัตราราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากยืดเยื้อ 2 -6 สัปดาห์ ราคาจะเพิ่มขึ้น 5-15 เหรียญสหรัญต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมมาตรการทางการบริหารจัดการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ประมาณ 170,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่ากังวล เพราะหากไม่สามารถนำเข้าจากซาอุดิอาระเบียได้ตามปริมาณดังกล่าวก็สามารถกระจายการนำเข้าจากแหล่งอื่นได้
ขณะที่การปริมาณสำรองปัจจุบันไทยมีเพียงพอ โดยมีปริมาณสํารองน้ำมันดิบประมาณ 3,366 ล้านลิตรปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่เหลืออยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,193 ล้านลิตรน้ำมันสำเร็จรูป 1,848 ล้านลิตร รวมจำนวนวัน 54 วัน ขณะที่ปริมาณสำรองก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนมีประมาณ 131 ล้านกิโลกรัมสำรองได้ 13 วัน ถ้าหากรวมการใช้ LPG ของภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งจะทำให้มีจำนวนเงินสำรองในส่วนของ LPG อยู่ที่ 12 วัน
สำหรับจุดที่ถูกโจมตี นานสนธิรัตน์ ระบุว่า ไม่ได้เป็นที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันแต่เป็น โรงงานที่ทำหน้าที่กำจัดสารต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการ ( Crude Oil Processing Facility) เป็นเหมือนกระบวนการทำความสะอาดออกจากน้ำมันดิบก่อนส่งต่อไปยังผู้ซื้อของบริษัท อารามโค (Aramco) และไม่ว่าสถานการณ์จะอยู่ในการควบคุมได้แล้วแต่กระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและในวันที่ 19 ก.ย. จะเรียกประชุมเตรียมแผนสำรองร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อซ้อมแผนรับมือสถานการณ์พลังงานโลก