วันนี้ (7 เม.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยข้อมูลสถิติผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั่วประเทศ ว่า นับจากวันที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เม.ย.2563 และจากการรวบรวมสถิติผู้ฝ่าฝืนและถูกดำเนินคดีจนถึงวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมทั้งประเทศมีการฝ่าฝืนทั้งสิ้น 438 คดี และมีผู้ที่ถูกดำเนินคดี 623 คน
ส่วนคดีที่มีการฝ่าฝืนมากที่สุด คือ การออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว หรือตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น. พบผู้กระทำผิด 190 คน ช่วงอายุของผู้ฝ่าฝืน ส่วนใหญ่พบผู้กระทำผิดมากที่สุดในช่วงอายุ 20-35 ปี รองลงมาคือช่วงอายุระหว่าง 35-55 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่กระทรวงสาธารณสุขให้ระมัดระวังการแพร่เชื้อ COVID-19 ขณะที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี และเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีสถิติคดีและผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นจำนวนมาก
สำหรับขั้นตอนการดำเนินคดี เนื่องจากเป็นกรณีบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พนักงานสอบสวนต้องสรุปสำนวน ส่งต่อพนักงานอัยการภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นคดีจะขึ้นสู่ศาลแขวง เนื่องจากเป็นคดีโทษไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังขอให้ประชาชนเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะเจ้าพนักงานจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและลงโทษสถานหนัก ด้วยการจำคุก หรือกักขังเท่านั้น ส่วนระยะเวลาลงโทษ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้กระทำความผิด โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.เผยข่าวดีป่วย COVID-19 แค่ 38 คน หายกลับบ้าน 824 คน
"ภูเก็ต" ล็อกดาวน์ ต.กระทู้ สกัดโรคหลังป่วย 123 คน
4 ทุ่มคืนนี้เลิกผ่อนผันพวกฝ่าฝืน "เคอร์ฟิว"
"วิษณุ" ชี้อาชีพจำเป็นยกเว้นได้ช่วงเคอร์ฟิว