วันนี้ (2 เม.ย.2564) นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า จ.สุพรรณบุรี ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 9 คน เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) อยู่ในพื้นที่ อ.ศรีประจันต์ 2 คน และ อ.เมืองสุพรรณบุรี 7 คน ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมของการระบาดระลอกใหม่ 42 คน หายป่วยแล้ว 32 คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 10 คน
ผู้ป่วยรายที่ 1 เป็นชายอายุ 31 ปี ทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสุพรรณบุรี, ผู้ป่วยรายที่ 2 เป็นหญิงอายุ 30 ปี ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล และอาศัยอยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 1, ผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นชายอายุ 30 ปี อาชีพรับจ้างส่งของ, ผู้ป่วยรายที่ 4 เป็นหญิงอายุ 25 ปี อาชีพค้าขาย พักอาศัยอยู่กับผู้ป่วยรายที่ 3, ผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นชายอายุ 31 ปี อาชีพช่างซ่อมแอร์, ผู้ป่วยรายที่ 6 เป็นหญิงอายุ 17 ปี ทำงานอยู่ที่บ้าน และเป็นภรรยาของผู้ป่วยรายที่ 5, ผู้ป่วยรายที่ 7 เป็นชายอายุ 33 ปี อาชีพรับจ้าง, ผู้ป่วยรายที่ 8 เป็นหญิงอายุ 20 ปี อาชีพพนักงานร้านอาหาร และผู้ป่วยรายที่ 9 เป็นชายอายุ 34 ปี เปิดร้านซ่อมรถอยู่ที่บ้าน เป็นสามีของผู้ป่วยรายที่ 8
นายนพฤทธิ์ กล่าวว่า ผู้ป่วยทั้ง 9 คน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน มีความสัมพันธ์เป็นแฟน หรือสามีภรรยา จากสอบสวนพบว่า ผู้ติดเชื้อทั้ง 9 คน มาจากการสัมผัสผู้ป่วยของ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหญิงและมีสามีด้วย ทำกิจกรรมร่วมกัน คือ ล่องแพที่ จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้่งหมด 12 คน เป็นผู้ป่วย 9 คนของ จ.สุพรรณบุรี และมาจาก จ.นนทบุรี 2 คน ส่วนอีก 1 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ COVID-19 แต่ต้องกักตัว เนื่องจากสัมผัสเสี่ยงสูง, ส่วนอีก 1 กิจกรรม คือ ร่วมงานวันเกิดของคนในกลุ่มดังกล่าว วันที่ 29 มี.ค. มีผู้ร่วมงานทั้งหมด 17 คน เป็นชาว จ.สุพรรณบุรี 15 คน และ จ.นนทบุรี 2 คน
สำหรับผู้ป่วยทั้ง 9 คน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกัน หรือทำงานร่วมกัน โดยทั้งหมดจะกักตัวที่บ้านและสถานที่กักตัวของจังหวัด
อย่างไรก็ตาม การล่องแพไม่ใช่ปัจจัยต้นทางติดเชื้อ COVID-19 แต่ผู้ป่วยได้เช่าเหมาแพ ขอให้ความเป็นธรรมกับแพ จ.กาญจนบุรี อีกทั้งการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ที่ไปชมการแข่งขันฟุตบอล คือ คนที่ตรวจไม่พบเชื้อ และสวมหน้ากากตลอดเวลา
กิจกรรมที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมาจากการรวมตัวกันโดยไม่สวมหน้ากาก