วันนี้ ( 10 เม.ย.2564) เวลา 13.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่ม นปช. ร่วมจัดกิจกรรม "รำลึก 11 ปี 10 เมษา53" ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว โดยมี อดีต ส.ส.ซีกพรรคเพื่อไทย ในยุค รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เข้าร่วมเช่น นายวรชัย เหมะ , นพ.เหวง โตจิราการ , นายพายัพ ปั้นเกตุ
ส่วนกลุ่มคนการเมืองที่เคลื่อนเข้าร่วมเหตุการณ์ชุมนุมในช่วงปี 2553 และเดินทางมาในวันนี้ ยังมี ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์,นางธิดา ถาวรเศรษฐ, รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน วันนี้ ยังมีการส่งพวงหรีดมาร่วมรำลึกจากกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาที่เคลื่อนไหวการชุมนุมการเมืองในช่วงปี 2563 และปีนี้ ที่ส่งมาร่วมรำลึกด้วยเช่นกัน
ขณะที่พื้นที่ก่อนเข้าอนุสรณ์สถาน ทีมพยาบาลอาสาของกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ตั้งจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิ และมีเจลล์ไว้บริการ ขณะที่ ตำรวจได้เตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง รถบรรทุกน้ำและรถเครื่องขยายเสียง เตรียมพร้อมบริเวณเลยแยกคอกวัว
ขอนำตัวคนผิดมารับผิดชอบปราบปรามปชช.
นางธิดา อดีต ปธ.นปช. กล่าวร่วมรำลึกเหตุการณ์ 10 เม.ย.53โดยระบุว่า ปีนี้แม้ COVID-19 ก็จะต้องจัดให้ได้ แต่จะใช้ระยะเวลาสั้น ฝากผู้มีอำนาจให้แก้ปัญหาเชื้อโรค COVID-19 และเชื้อโรคการเมืองของประเทศด้วย
เวลาผ่านมา 11 ปี ที่เกิดเหตุการจากความสูญเสีย แต่ยังไม่มีความจริงที่ปรากฎและผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้นำคนผิดมารับผิดชอบในการปราบปรามประชาชน ด้วยการใช้อาวุธจริงในเหตุการณ์นั้น จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร ที่ถูกจับกุมอยู่ขณะนี้ โดยนางธิดาเชื่อมั่น กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรและเครือข่าย จะเดินขับเคลื่อนช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศได้
รัฐต้องรับฟังคนรุ่นใหม่
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวปราศรัย โดยเริ่มจากการถอดหน้ากาก โดยระบุว่า ต้องการให้รัฐและผู้มีอำนาจเห็นหน้าชัดๆ และถามว่ายังจำกันได้อยู่ไหม พร้อมยืนยันว่า ประชาชนต้องการสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน พร้อมระบุว่า ถ้าคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิ่งที่ดีกว่า ทางเดียวที่รัฐต้องทำคือ เปิดใจรับฟังเพราะประเทศนี้กำลังจะอยู่ในอนาคตในวันหน้าเป็นสิทธิ์โดยชอบที่จะเรียกร้องการจัดสรรโครงสร้างอำนาจที่ชอบธรรมและดีกว่าไม่มีประโยชน์ที่รัฐจะจัดการเยาวชนด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
หวังว่า สิ่งที่พยายามสื่อสารจะถูกรับฟัง วันนี้สังคมไทยต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเด็ก ๆ ทำ แต่ข้อเท็จจริงคือ เด็ก ๆ กำลังรับผิดชอบต่อสิ่งคนรุ่นเราทำมาต่างหาก ไม่เป็นธรรมเลย และขอให้ทุกคนช่วยกันและโอบอุ้มรุ่นลูกหลานไว้ และบอกว่า จะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดอีกต่อไป
เชื่อมั่นว่า สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงจะกลายเป็นพายุใหญ่ที่จะต้องเกิดขึ้น อยากให้การจัดงานรำลึกนี้ เป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นกับความรุนแรงปี 2553 จะต้องไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นอีก นายณัฐวุฒิ ระบุว่าด้วย ขอแสดงความเชื่อมั่นในความกล้าหาญของคนหนุ่มสาว ในการต่อสู้อย่างสันติวิธี