วันนี้ (28 พ.ค.2564) เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า องค์การอนามัยโลกกำลังอยู่ในระหว่างการขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัทซิโนแวค ไบโอเทค เพื่อพิจารณาว่าจะอนุมัติการใช้งานวัคซีนตัวนี้ เป็นวัคซีน COVID-19 ตัวที่ 2 ที่ผลิตโดยบริษัทจากจีนหรือไม่
สำหรับข้อมูลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของวัคซีนและกระบวนการผลิต ซึ่งองค์การอนามัยโลกต้องการประเมินว่าได้มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่ โดยแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในองค์การอนามัยโลก คาดว่า กระบวนการพิจารณาอาจจะเสร็จสิ้นลงในเดือน มิ.ย.นี้
ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกอนุมัติวัคซีนจากจีนตัวแรก คือ วัคซีนของบริษัทซิโนฟาร์ม สำหรับใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
อียูฟ้องเรียกค่าชดเชยแอสตราเซเนกาส่งวัคซีนช้า
ขณะที่วันนี้บริษัทแอสตราเซเนกา มีกำหนดจะขึ้นศาลเพื่อเข้าฟังการไต่สวนเป็นนัดที่ 2 ในคดีที่คณะกรรมาธิการยุโรปยื่นฟ้องบริษัท ฐานละเมิดสัญญาการส่งมอบวัคซีน COVID-19 ให้แก่สหภาพยุโรป หลังจากแอสตราเซเนกาส่งมอบวัคซีน 50 ล้านโดส ที่ควรจะเป็นของอียูไปให้แก่ประเทศที่สาม
อียูต้องการให้ศาลสั่งปรับแอสตราเซเนกา 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 380 ล้านบาท ต่อการฝ่าฝืนข้อตกลงแต่ละข้อ และให้จ่ายค่าชดเชย 10 ยูโรหรือ 380 บาทต่อโดส ตามจำนวนวันที่จัดส่งวัคซีนให้แก่อียูล่าช้า
ก่อนหน้านี้ ทีมทนายความฝ่ายโจทก์ ระบุว่า การส่งมอบวัคซีน COVID-19 ที่ล่าช้าถึง 6 เดือน ถือเป็นความล้มเหลว โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ แอสตราเซเนกาส่งมอบวัคซีนให้อียูได้เพียง 30 ล้านโดสเท่านั้น จากสัญญาที่ตกลงเอาไว้ 120 ล้านโดส ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 แอสตราเซเนกา ระบุว่า จะจัดส่งวัคซีนได้เพียง 70 ล้านโดส จากที่ตกลงไว้ถึง 180 ล้านโดส