เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค.2564 ความว่า
อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิต สำแดงความปีติโสมนัสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษามาโดยสวัสดี นับถึงบัดนี้ได้ 89 พรรษาบริบูรณ์
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อเกื้อกูลสรรพชีวิตทั้งมนุษย์ สัตว์ตลอดจนพฤกษ์ไพร ให้ดำรงคงความผาสุกร่มเย็น เป็นนิพัทธราชจริยามาเนิ่นนานหลายทศวรรษ พระราชจริยวัตรอันอ่อนโยนละมุนละม่อม น้อมนำดวงจิตของพสกนิกรให้คลายความรุ่มร้อนแห้งแล้งกลับชุ่มเย็น ทรงแผ่พระเมตตาการุณยจิตอย่างอเนกอนันต์ ทรงสร้างสรรค์พลังแห่งความเป็นมารดาผู้รักและปรารถนาดีต่อบุตรอย่างจริงใจ พระเมตตาบารมีประการนี้ ย่อมบังเกิดแต่พระราชธรรมอันเป็นเหตุเชื่อมโยงให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเมตตาธรรม กล่าวคือ “ขันติธรรม” เพราะความอดทนอดกลั้น ย่อมจะทำให้บุคคลผู้ประสบโลกธรรมอันไม่น่าพึงใจ สามารถยับยั้งไม่ปฏิบัติตอบโต้ความรุนแรงที่ได้รับ โดยอาศัยความอดทนอยู่ได้ สงบอยู่ได้ ฉะนั้น ผู้ถึงพร้อมด้วยเมตตาและขันติ ทั้งสองประการ ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของมหาชนทั่วไป สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “มนาโป โหติ ขนฺติโก.” แปลความว่า “ผู้มีความอดทนย่อมเป็นที่ชอบใจ” ในทุกสถาน
อุดมมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา จึงขอประชาราษฎร จงสมัครสมานปรองดองกันสนองพระมหากรุณาธิคุณด้วยการประพฤติตนเสมือนลูกที่ดี เป็นผู้คิดดี พูดดี และทำดี มีความอดทนอดกลั้น และมีไมตรีจิตแผ่เผื่อเอื้อเฟื้อต่อกันอย่างไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง เพื่อ “แม่แห่งชาติ” จักได้ทรงพระเกษมสำราญเบิกบานด้วยพระกำลังอันเข้มแข็ง และทรงเบาพระราชหฤทัยว่าลูกไทยของพระองค์ ล้วนมีสติสำนึกรู้อยู่ในคุณธรรม พร้อมเป็นกำลังของชาติบ้านเมืองสืบไป
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นกำลังพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นมิ่งขวัญของประเทศชาติ ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ