วันนี้ (6 มิ.ย.2565) จากกรณีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจฯ "ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช" ระบุว่า ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จะยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครอง เพิกถอน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ และจะเดินทางไปยื่นต่อกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในวันที่ 6 มิ.ย.นี้
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสว่า “ไม่วิตกกังวลแต่อย่างใด” เนื่องจากใครก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นตรวจสอบสมาคมได้อยู่แล้ว แต่การขอเพิกถอน หรือยุบสมาคมนั้นเป็นอำนาจของอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือนายทะเบียนเป็นผู้พิจารณา ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 102 ว่าด้วยการ กระทำกิจกรรมหรือกิจการใด ๆ ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ หรือไม่ ซึ่งมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดในมาตราที่กล่าวมาข้างต้น เพราะดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม
นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า การยื่นตรวจสอบนักการเมือง ผู้มีอำนาจรัฐ ตลอดระยะเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมา ดำเนินการตามสิทธิ ตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้สิทธิของประชาชนในการที่จะไปตรวจสอบอำนาจรัฐในการที่จะไปฟ้องร้องเป็นคดี 4 - 5 มาตรา ฉะนั้น การไปยื่นตรวจสอบจะมากหรือน้อยไม่สำคัญ เนื่องจากเป็นไปตามกรอบ โดยเฉพาะกรอบของวัตถุประสงค์ของสมาคม ที่ระบุไว้ชัดว่าจะต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ ที่จะละเมิดกฎหมาย ละเมิดรัฐธรรมนูญ และจะตรวจสอบการเลือกตั้ง หรือการทำประชามติให้เป็นไปตามความบริสุทธิ์ และเที่ยงธรรม
ทุกอย่างที่ผมทำ หรือสมาคมทำ เป็นไปตามกรอบของวัตถุประสงค์ทั้งสิ้น จึงมีความเชื่อมั่นแทบจะล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ไม่มีทางที่การดำเนินงานของสมาคมจะผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตาม ม.102 ครับ
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า หากถูกพิจารณาให้ยุบสมาคมตามคำร้อง ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะจะร้องในนามนายศรีสุวรรณ จรรยา ก็สามารถกระทำได้ ยืนยันจะขอทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเช่นนี้ต่อไป ส่วนประเด็นการถูกยื่นตรวจสอบในครั้งนี้ นายศรีสุวรรณ เชื่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โกรธเคืองในเรื่องส่วนตัว กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในกรณีถมแม่น้ำแคว ตั้งแต่ปี 2557
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
10 ปีบนเส้นทางนักร้อง (เรียน) “ศรีสุวรรณ จรรยา” ขอทำหน้าที่จนหมดแรง-ปัดปูทางการเมือง