วันนี้ (17 มิ.ย.2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ถึงบรรยากาศการร่วมประชุมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีกับตนและนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่ได้รับตำแหน่งใหม่ทั้ง 2 คน ให้ทำงานร่วมมือกัน ซึ่งการเดินชม ตึกภักดีบดินทร์ ในครั้งนี้ถือเป็นตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้น และนายกรัฐมนตรีพาเยี่ยมชมด้วยตนเอง
ส่วนได้ฝากงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยกันทำงาน ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะผู้ว่าฯ กทม. อยู่ภายใต้การกำกับของ ศบค.
วันนี้ถือว่าได้พบนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก ก็ถือว่าดี หลังเคยพบกันนานแล้ว และนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา โดยเน้นประสานและทำงานเป็นหลัก และผมก็ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เนื่องจากกรุงเทพฯ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย
1 เดือน สัมปทาน BTS สายสีเขียวต้องคืบหน้า
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า วันนี้ไม่ได้มีการพูดคุยถึงการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีปัญหาอยู่ ส่วนเรื่องหนังสือตอบคำถามจากกระทรวงคมนาคมนั้น ทางปลัด กทม. ได้ไปพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของตัวเลขหนี้มีการพูดคุยมานานแล้ว ยอมรับว่ามีเงื่อนไขทางการเงินที่ต้องวิเคราะห์จำนวนมาก
ส่วนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อใดนั้น ขณะนี้กำลังหารือกับทางสภา กทม. ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันหรือไม่ เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลา แต่กำหนดเบื้องต้น 1 เดือน จะต้องมีความคืบหน้ามารายงานให้ประชาชนรับทราบ
ส่วนจะต้องมีการรื้อสัญญาที่ คสช.ได้เจรจาไว้หรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า มีหลายสัญญา ตั้งแต่สัญญาสัมปทานเดิมปี 2572 สัญญาจ้างเดินรถ สัญญาที่จะขยายไปถึงปี 2602 ซึ่งมีหลายอย่างที่ต้องดู
ส่วนสัญญาที่ทำไปแล้วก็ต้องดูว่าจะรื้ออย่างไร ขณะเดียวกันสัญญาในอนาคตที่ยังไม่ได้ทำก็คงไม่มีอะไร เพราะยังไม่ได้ทำสัญญา ยอมรับว่าจะพยายามเร่งการดำเนินการ เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมาก
ส่วนการเตรียมแผนสำรองหรือไม่ หากรัฐบาลไม่รับข้อเสนอของ กทม. นายชัชชาติ ระบุว่า จริง ๆ แล้วไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายก็ต้องสิ้นสุดอยู่ที่คณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว กทม.เป็นเพียงผู้เสนอความเห็นเข้าไป แต่ก็จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่มีอะไร คงต้องร่วมหารือกับกระทรวงมหาดไทยก่อน โดยต้องนำประโยชน์ของประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
ไม่ได้เคลียร์ใจ แต่พร้อมทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการเคลียร์ใจกันหรือไม่ ที่เคยถูกใช้ถุงดำคลุมหัวและเชือกมัดมือ ในวันที่ถูกรัฐประหารปี 2557 นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่มีการเคลียร์ใจแต่อย่างใด
ผมจะมองไปในอนาคต การทำงานในอนาคตต้องทำงานร่วมกัน และ กทม.อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว ทำงานเพื่อประโยชน์ประชาชน หากร่วมมือได้ดีสุดท้ายประโยชน์ก็จะอยู่กับประชาชน
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ว่า หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถร่วมมือกันได้ระหว่าง กทม.กับรัฐบาล ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี สุดท้ายแล้วในฐานะที่เราเป็นท้องถิ่นร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง สุดท้ายประโยชน์ก็จะอยู่ที่ประชาชนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะมีลงพื้นที่ร่วมกับนายกรัฐมนตรีแน่นอน พร้อมยังชี้แจงถึงการลงพื้นที่เปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ไม่ทราบจริง ๆ ซึ่งได้ฝากบอกไปยังโฆษกรัฐบาลว่า ต่อไปหากมีอะไรก็แจ้งตนเองได้ และพร้อมที่จะไปพบนายกรัฐมนตรีและชี้แจงปัญหาในทุกพื้นที่
ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามนายชัชชาติ ว่า คิดถึงทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นายชัชชาติ โอ๊ย....ไม่ใช่บ้านผม แต่ทำเนียบรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงไปมาก มีความสวยงามมากขึ้น