เวลา 17.33 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ปรับปรุงใหม่ เขตคลองเตย หลังจากดำเนินงานตามโครงการปรับปรุงและดัดแปลงศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในปี 2560 เพื่อให้มีความทันสมัย และมีมาตรฐานระดับสากล ทั้งยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศ โดยรัฐบาลดำเนินการจัดสร้างบนเนื้อที่ 53 ไร่ 15 ตารางวา เพื่อเป็นสถานที่จัดการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และใช้ประโยชน์ในกิจการอื่นๆ โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์การประชุมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2534 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญพระนามาภิไธย เป็นชื่ออาคารว่า "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม 2535
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้ขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า จาก 65,000 ตารางเมตร เป็น 300,000 ตารางเมตร ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างชั้นสูง เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานอาคารเขียว และมีระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล การออกแบบ ได้รับแรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ผสมผสานกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยีสากล ทำให้แต่ละพื้นที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่งดงาม
สำหรับ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 100,000 คนต่อวัน และปีนี้ รัฐบาลกำหนดให้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นสถานที่จัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.2565