ได้ฤกษ์ดีเดย์วันนี้( 1 ธ.ค.) เคาะนโยบาย "แก้หนี้นอกระบบ"อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว รัฐบาลเพื่อไทยภายใต้ "นายกฯนิด"เศรษฐาทวีสิน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างแห่งมารับลงทะเบียนทั้งรูปแบบแอนาล็อกและออน ไลน์คึกคัก
"เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว. มหาดไทย ซึ่งรับลูกเตรียมแต่ไก่โห่ พร้อมเดินหน้าลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบเต็มที่ โดยเปิดลงทะเบียนใน 3 ทาง คือ 1.ลงทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรมในศาลากลางจังหวัด หรือ ที่ว่าการอำเภอ 2.ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ และ 3.เจ้าหน้าที่ออกไปสำรวจ ในชุมชนและพื้นที่ เพื่อให้ขาดตกบกพร่องน้อยที่สุด
เรื่องนี้ไม่ใช่การลดหนี้ พักหนี้ หรือยกหนี้ ถ้าเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเป็นธรรมในอัตราที่ลูกหนี้หามาใช้ได้ ลูกหนี้ก็ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ โดยไม่ต้องใช้วิธีทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องกดดัน กดขี่ข่มเหงรังแกใคร
หลังก่อนหน้านี้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เดินหน้า การแก้ไขปัญหาหนี้อย่างจริงจัง พร้อมประกาศเป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อสางตัวเลขหนี้นอกระบบที่ก้อนใหญ่กว่า 50,000 ล้านบาท พร้อมเปรียบหนี้นอกระบบเป็นการค้าทาสยุคใหม่ ที่ต้องจัดการให้สิ้น เดินคู่ไปกับ มาตรการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มคนที่เป็นหนี้ ไม่สามารถแม้กระทั่งจะฝัน ถูกปิดโอกาส การเติบโต ส่งผลกระทบเป็นโดมิโน จึงถือว่าเรื่องหนี้นอกระบบ คือการค้าทาสยุคใหม่ พรากอิสรภาพไปจากผู้คน
นอกจากนี้ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ นายกฯ จะแถลงแก้หนี้แบบครบวงจร ทั้งในและนอกระบบ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่เป็นหนี้ที่ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไม่แพ้กัน คือ หนี้ ข้าราชการทั้ง “หนี้ครู” และ “หนี้ตำรวจ”
ตามที่ "เสี่ยโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ เผยแนวทางแก้ไขเรื่องหนี้สินของข้าราชการ ซึ่งจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง โดยจะเริ่มเดือน ม.ค.67
ข้าราชการที่อยู่ในระบบเงินกู้สหกรณ์ ขณะนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำกระทรวงศึกษาธิการ 800,000 คน ข้าราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 230,000 คน และข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข 200,000 กว่าคน
เบื้องต้นคือ การลดอัตราดอกเบี้ยการชำระหนี้ของข้าราชการลง จะทำให้ข้าราชการ 1 ใน 3 ปลดหนี้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว หากยังเหลือเงินไม่ถึง 30% จะใช้วิธีการขยายเงินต้นออกไปถึงอายุ 75 ปี ผลที่ตามมาคือจะช่วยให้เงินต้นลดลงโดยแท้จริง
อีกฟาก ที่กำลังโชว์ฟอร์ม นอกเหนือจากการแก้ไขหนี้ ก็คือ การสร้างรายได้ โดยคราวนี้ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชิณวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โชว์ผลงาน ในเจ้าภาพที่ดูแล "ซอฟต์พาวเวอร์" โดยเฉพาะปีหน้าที่เตรียมจัดเต็มจัดงานใหญ่ มหาสงกรานต์ World Water Festival-The Songkran Phenomenon” ที่จะไม่เล่นน้ำเพียง 3 วัน แต่จะจัดเต็มทั้งเดือน โดยทยอยจัดทั้งประเทศไปทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องมาเที่ยวไทย
สงกรานต์ปีหน้า เตรียมวางแผนกันได้เลยว่า สัปดาห์ไหนของเดือน เม.ย.อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์กันที่จังหวัดไหน มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเราเป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก
นอกจากนี้ "บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์" ยังเคาะงบประมาณ 5,164 ล้านบาท ผลักดัน "ซอฟต์พาวเวอร์" โดยกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด คือ 1.อุตสาหกรรมเฟสติวัล วงเงิน 1,009 ล้านบาท ตามมาด้วย 2.สาขาอาหารดำเนินโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย 1,000 ล้านบาท 3.สาขาท่องเที่ยว 711 ล้านบาท 4.สาขาภาพยนตร์ ละคร ซีรี่ส์ 545 ล้านบาท 5.สาขากีฬา เน้นเรื่องมวยไทย 500 ล้านบาท 6.สาขาศิลปะ 380 ล้านบาท
7.สาขาเกม 374 ล้านบาท 8.สาขาออกแบบทำโครงการ 310 ล้านบาท 9.สาขาแฟชั่น 268 ล้านบาท 10.สาขาดนตรี เน้นหลักสูตรพัฒนาเครื่องดนตรี 144 ล้านบาท สุดท้าย 11.สาขาหนังสือ ได้งบประมาณน้อยสุด คือ 69 ล้านบาท
ทั้งมาตรการลดภาระหนี้ ลดรายจ่าย "รัฐบาลเศรษฐา" ยังคงเดินหน้าเต็มสูบ และยังมีเวทีการอภิปรายงบประมาณปี 67 ที่ฝ่ายค้านหมายมั่นปั้นมือจะซักฟอกที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้น ม.ค.ปี 67 ที่จะถึงนี้
รัฐบาลเตรียมพร้อมแล้วลดแลกแจกแถม ถ้วนหน้า แต่อย่าถามว่าจะตั้งรับศึกซักฟอกที่กำลังจะเขยิบเข้ามาจากพรรคก้าวไกล ในฐานะที่เคยเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้อย่างไร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กขั้นตอน! ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบทุกอำเภอเริ่ม 1 ธ.ค.นี้
ม.หอการค้า สำรวจแรงงานไทย 1.2 พันคน พบ 99% แบกภาระหนี้
นายกฯ ระดม “แก้หนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ เทียบ “ค้าทาสยุคใหม่”