ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไม่พบ "ฟอสฟีน" ตกค้างในชุมชน-พบรถไม่มีใบอนุญาตขนสารเคมี

Logo Thai PBS
ไม่พบ "ฟอสฟีน" ตกค้างในชุมชน-พบรถไม่มีใบอนุญาตขนสารเคมี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
คพ.ตรวจไม่พบ "ฟอสฟีน"ตกค้างในชุมชน ด้านตำรวจสำโรงเหนือ ประสานกรมวิชาการเกษตรขอความเห็นขั้นตอนเคลื่อนย้ายสารเคมี ตั้งข้อหาทำให้เกิดเพลิงไหม้กับคนขับรถกระบะขนสารเคมีรั่วไหล พบไม่มีใบอนุญาตขนย้ายสารเคมีอันตราย

จากเหตุการณ์รถกระบะบริษัท ทีซีไอเอส อินสเปคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด บรรทุกสารเคมีชื่อ Aluminum Phosphide ทำถังบรรจุสารเคมีรั่วไหล จนเกิดไฟลุก ภายในซอยพรสว่าง 12 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

วันนี้ (5 ม.ค.2567) น.ส.ปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สารเคมีที่ติดไฟชื่อ Aluminum Phosphide ใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลทางการเกษตร เช่น มอด ปลวก บรรจุในถัง 200 ลิตร เกิดการรั่วไหลและเกิดควันบริเวณถนน ซ.พรสว่าง 7 โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สั่งให้ประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงและด้านท้ายลมอพยพในช่วงเกิดเหตุตั้งแต่เวลา 20.00 น.

เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี

เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี

เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี "ฟอสฟีน" กลางชุมชนพรสว่าง 12 ต.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ

ไม่พบสารฟอสฟีนตกค้างในชุมชน

น.ส.ปรีญาพร กล่าวว่า คพ.ติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่เมื่อได้รับแจ้งเหตุ ล่าสุดคพ.ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าประชาชนบริเวณที่เกิดเหตุสามารถกลับเข้าสู่ที่พักและสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติแล้ว และเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ได้นำรถฉีดน้ำทำความสะอาดพื้นผิวจราจรในซอยดังกล่าว

ปัจจุบันประชาชนสามารถสัญจรได้ปกติ การจัดการสารเคมีที่หกรั่วไหล สามารถเก็บกู้ได้แล้วเสร็จ ประมาณเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค.โดยเก็บขนไปจัดเก็บที่โรงงานเจ้าของสารเคมีเพื่อส่งไปกำจัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เป็นสารเคมีชื่อ Aluminum Phosphide บรรจุในถัง 200 ลิตร ซึ่งมีประมาณ 100 ลิตร 

จากการตรวจสอบการตกค้างสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยของสารเคมีตกค้างในพื้นผิวถนน และท่อระบายน้ำ ไม่พบกลิ่นสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุและชุมชนใกล้เคียง ผลการตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในพื้นที่เกิดเหตุและบ้านเรือนประชาชนด้านท้ายลม (ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้) ในระยะ 50 เมตร และ 200 เมตร

ตรวจไม่พบสารฟอสฟีนตกค้าง และสอบถามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสมุทรปราการ โรงพยาบาลเมืองสมุทรปู่เจ้า และเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ไม่มีรายงานผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี

เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี

เจ้าหน้าที่ระดมดับไฟที่ลุกสารเคมี "ฟอสฟีน" กลางชุมชนพรสว่าง 12 ต.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ

อ่านข่าว รถกระบะทำสารเคมีรั่วไหล จ.สมุทรปราการ จนท.เร่งควบคุมสถานการณ์

นอกจากนี้ ประชาชนประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายลม พบว่าไม่ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพแต่อย่างใด เนื่องจากมีการแจ้งเตือนให้อพยพ และปิดประตูหน้าต่างในช่วงเกิดเหตุ

หากเกิดเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหล คพ.มีข้อแนะนำประชาชนในการปฏิบัติตัว ควรอพยพประชาชนไปอยู่ที่เหนือลม อยู่ในอาคารที่ปกปิดมิดชิด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยเมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินว่ามีความเสี่ยง ควรสวมใส่หน้ากากกรองชนิดคาร์บอน (Carbon Mask) เมื่อสัมผัสกับสารให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนทิ้ง และชำระร่างกาย และหากมีความผิดปกติควรรีบพบแพทย์

ทั้งนี้ คพ.จะกำกับการประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองและใช้สารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตรายอย่างเคร่งครัด ต่อไป นางสาวปรีญาพร กล่าว

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ระบุบริษัทสารเคมีดังมีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายถูกต้อง แต่ระกระบะไม่มีใบอนุญาตขนย้ายสาร

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ระบุบริษัทสารเคมีดังมีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายถูกต้อง แต่ระกระบะไม่มีใบอนุญาตขนย้ายสาร

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ระบุบริษัทสารเคมีดังมีใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายถูกต้อง แต่ระกระบะไม่มีใบอนุญาตขนย้ายสาร

ตร.ตั้งข้อหาไม่มีใบกำกับเคลื่อนย้าย

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ กล่าวว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่า บริษัทเจ้าของสารเคมีดังกล่าว มีใบอนุญาตครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่การขนส่งหรือเคลื่อนย้าย พบว่ารถกระบะคันนี้ไม่มีใบอนุญาตขนย้ายสารเคมีอันตราย และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดให้ รถเคลื่อนย้ายสารเคมีต้องมีข้อความเตือนข้างรถว่าเป็นวัตถุอันตราย ให้ผู้อื่นเห็นอย่างชัดเจน

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา ทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไว้ก่อน ส่วนจะดำเนินคดีแจ้งข้อหากับพนักงานขับรถและเจ้าของบริษัทหรือไม่ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและขอความเห็นจากกรมวิชาการเกษตรในประเด็นขั้นตอนการขนย้ายสารเคมีทางการเกษตรมี่ถูกต้อง มาประกอบในสำนวนคดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง