สายตรง ไม่ธรรมดา มีชื่อเป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อยู่ลำดับที่ 100 ไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา แต่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในคณะรัฐมนตรีของเศรษฐา ทวีสิน
ผ่านร้อน ผ่านหนาวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง นับแต่เป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2548 เป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำคัญๆ มาหลากหลาย ขับเคลื่อนงานการเมืองของตระกูลชินวัตรมานาน 19 ปีเต็ม
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์
ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญคนหนึ่งของพรรคฯจึงไม่แปลกที่ “ภูมิธรรม” จะได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็น สร.2 หรือรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 จะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานที่จัดอยู่ในเกรด A ทั้ง 4 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงพาณิชย์
และกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่รวม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลผสมของพรรคเพื่อไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีหน่วยงานในกำกับดูแลของรองนายกฯ ภูมิธรรม ในวัย 71 ปี กับภารกิจร้อนแรงทั้งงานนอกและงานใน โดยเฉพาะประเด็นร้อนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลทั้งในเรื่อง คดีหมูเถื่อน ไก่เถื่อน ที่มีอดีตนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์
และล่าสุด คือ คดีรีดเงินอธิบดีกรมการข้าว ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การบริหารของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์
“เรื่องที่เกิดขึ้น สั่งการไปแล้ว ผมเห็นด้วยกับ รมว.เกษตรฯ ที่จะดำเนินการให้เด็ดขาด ไม่ต้องเห็นแก่อะไร ถ้าพบใครเกี่ยวข้อง ก็จัดการได้ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ ผมคิดว่าเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้บริหารทางการเมืองทุกคนได้เข้าใจ และรับทราบว่า เราอยู่กับอำนาจ อำนาจมันทำให้เราเสียหายได้”
“หลักการทางรัฐศาสตร์ของฝรั่งบอกว่า ถึงแม้เรามีอำนาจแล้วไม่ไตร่ตรอง หรือไม่ระมัดระวัง โอกาสให้การสร้างความผิดพลาดก็มี และยังไม่กล่าวหาใคร ผมบอกทั้งผู้บริหารทางการเมือง และผู้บริหารทางปฏิบัติในทุกกระทรวงว่า ต้องตระหนักและเข้าใจสิ่งเหล่านี้ อย่าให้อะไรมาทำให้ไขว้เขว”
ภูมิธรรม บอกว่า หากถามว่า กระทรวงพาณิชย์มีใครทุจริตหรือไม่ ตอบไม่ได้ ตราบใดที่ ไม่มีควันขึ้นมาให้เห็น ว่ากองไฟอยู่ตรงไหน ก็ต้องถือว่าทุกคนตั้งใจทำงาน หากมัวแต่หวาดระแวง จะบั่นทอนการทำงาน
การใช้อำนาจถ้าไม่ระมัดระวัง ก็อาจใช้ไปในทางที่ผิดได้ จึงต้องใช้อำนาจในสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง ประชาชนคาดหวัง มาเป็นเกราะไม่ให้กล้าทำอะไร และให้ไตร่ตรองถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ และกฎหมายอนุญาตให้ทำได้หรือไม่
แม้ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ จะมีปัญหาในการทำงานหลายเรื่อง และมีการโยนหินถามทางเพื่อนำไปการปรับคณะรัฐมนตรีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้
แต่ ภูมิธรรม บอกว่าเป็นเรื่องของรมว.เกษตรฯ ที่จะต้องไปพิสูจน์ความสามารถ ในการแก้ปัญหา จึงยังไม่อยากให้คิด และส่วนตัวไม่ชอบคำว่า “ถ้า” ถ้างั้น ถ้ารู้งี้ ทำดีกว่า มันก็ไม่เกิด แต่ควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถ้าไม่ดี ค่อยไปถึงสเต็ปต่อไป ถ้าไม่ดีก็ค่อยไปแก้ไข วันนี้เกิดเรื่องยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง หรือเกี่ยวพันกับใคร และการระบุว่าจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี จึงเป็นการทำงานที่ไม่หาจุดสมดุลที่พอดี
“การหาจุดสมดุล ไม่ได้หมายความว่า จะช่วยปกป้องกัน ถ้าทำไม่ดีก็ต้องโดน ข่าวการปรับ ครม.วันที่ 18 ก.พ. สื่อฯ พูดเรื่องนี้ ผมก็ใจสั่นทุกที เราต้องมั่นใจว่า ทำสิ่งที่ดีที่สุด จริงๆ การปรับ ครม. ในการนั่งกินข้าวร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล หรือกับนายกฯ เราไม่เคยพูดเรื่องนี้”
“การปรับ ครม. ได้ยินจากสื่อมากที่สุด ผมไม่ชอบจินตนาการ พอจินตนาการ ก็ไปถึงขั้นสุดท้าย พอไปถึงขั้นสุดท้าย ก็จะมีคำถาม ตรงนี้จะเปลี่ยนหรือไม่ เริ่มต้นสิ่งที่เป็นอยู่หนักเบาแค่ไหน ใครเกี่ยวข้องบ้าง และสามารถเยียวยาได้มากน้อยแค่ไหน”
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
รองนายกฯภูมิธรรม บอกว่า หากผิดหนัก ถึงขั้นเปลี่ยนตัว ก็ค่อยว่ากัน ถ้าเปลี่ยนตรงนี้ ยังทำได้อีกหลายอย่าง ถ้าจะปรับหรือไม่ปรับก็อยู่ที่พรรคร่วมและรัฐบาล ก็ต้องดูว่า เรื่องแบบนี้กระทบกระเทือนในภาพรวมหรือไม่
ยืนยันว่า เรื่องการปรับ ครม.วันนี้ ยังไม่มี และทุกคนก็ทราบดีว่า ภายใน 6 เดือน ทุกคนยังต้องทำงาน สิ่งที่สำคัญรัฐบาลที่ทำงานมา 6 เดือนแล้ว ยังไม่มีเงินลงทุนมาให้ทำเลย
เพื่อไทยหลังชนฝา ไม่ถอย “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”
แม้ยังไม่มีงบประมาณในการเดินหน้าโครงการต่างๆ แต่ ภูมิธรรม ย้ำว่า โครงการนี้จะยังเดินหน้าต่อเนื่อง และประชาชนจะได้เห็นแน่นอน เพราะเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจน ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ยอมรับว่า ในทางปฏิบัติมีปัญหา แต่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาฟังเสียงตรงนั้น
ตรงนี้ วิธีการทำงานของพรรคเพื่อไทย ต้องการการมีส่วนร่วม จริงๆ แบงก์ชาติหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโลกนี้ ประเทศประชาธิปไตย รัฐบาลหาเสียงมาและแถลงนโยบายต่อสภา และตัวแทนประชาชนยอมรับแล้ว
มีความเห็นอย่างเดียว คือ รับฟังและเอาไปปฏิบัติ แต่ถ้ามีความเห็นแย้ง หรือเห็นต่าง ถ้ารัฐบาลยังยืนยันก็ต้องไปปฏิบัติ ถ้าไม่เอาไปปฏิบัติไม่เห็นด้วย ก็ต้องไปพิสูจน์ว่าต้องทำอย่างไร ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ เคยกล่าวไว้ว่า หน่วยงาน 2 หน่วยงาน ถ้าหน่วยงานหนึ่งได้รับความชอบธรรมจากประชาชน หน่วยงานอื่นก็ต้องปฏิบัติ
แม้จะไม่เห็นด้วย ถ้าความรับผิดชอบทางการเมือง ฝ่ายนโยบายเขารับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยก็ ..ผมไม่อยากพูดคำที่รุนแรง ...ไม่เห็นด้วย ท่านก็หาทางพิจารณา เพื่อจัดการอย่างไร
ดังนั้นเรื่องนี้รัฐบาลทำต่อแน่นอน เรารับฟังความเห็นนิด้าโพล ความเห็นของประชาชน ของแบงก์ชาติก็ดี เป็นหนึ่งความเห็นที่เสนอมา หน้าที่ของรัฐบาลคือทำให้รอบคอบขึ้น
ภูมิธรรม ยืนยันว่า หลังจากนี้นายกรัฐมนตรี จะรวบรวมและสรุปข้อมูลที่แถลงต่อสภา แล้วพิจารณา ไม่มีปัญหา ไม่ได้ฝืนทำ ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวมีผู้สนับสนุนไม่น้อย และก็มีผู้คัดค้านมาก ก็ต้องดำเนินการตามฝ่ายนโยบาย
ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ถือว่า ต้องปฏิบัติต่อไป สำหรับโครงนี้จะไม่มีปัญหาเลย ถ้าเข้ามาในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจ ไม่มีเงื่อนไขและข้อจำกัดมาก เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมองเห็นทิศทางที่ต้องทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า
“เศรษฐกิจจะวิกฤติ หรือ ไม่วิกฤติ เถียงกันในทางทฤษฎี ระบบทุนนิยม เถียงกันทางทฤษฎีได้ แต่ทุนนิยมที่ปรับตัว ประชาชนเป็นที่ตั้ง ต้องคิดถึงหัวใจของคนที่ยากลำบาก ไม่ต้องไปทำอะไรมาก”
“แค่วันนี้ คนที่คัดค้านเดินเข้าไปในตลาด ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแบบที่ชาวบ้านเขากินไปซื้อผัก ผลไม้มาทำกับข้าวแบบที่ชาวบ้านเขาทำ เวลาจ่ายเงินไม่ค่อยได้คิดว่า ราคาของที่เคยซื้อสมัยเด็กๆ และเมื่อเติบโตมา ราคาเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ต้องเอาใจมาคุยกับคนเหล่านี้”
รมว.พาณิชย์ กล่าว โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นวิกฤติทางการเงิน อันตรายมาก สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่แสดงให้เห็นโดยตรง ในปี 2540 ไทยพบวิกฤติปัญหาต้มยำกุ้งมาแล้ว ทุกอย่างพังทลาย แต่วันนี้มีสื่อและนักวิชาการท้วงติงโดยระบุว่า ได้คุยกับนักเศรษฐศาสตร์สถาบันหนึ่ง บอกว่า หากปี 2567 รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยจะได้เห็น ต้มยำกุ้งปี 40 กลับมาอีกครั้ง
เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ เชื่ออะไรก็ได้ แต่ถ้าเชื่อ โดยไม่มีหลักฐานที่มั่นใจ ถ้ามันพังทลายมาแบบปี 40 มีการกู้เงิน IMF และกู้คืนภายใน 2 ปี โดยรัฐบาลไทยรักไทย ถ้าครั้งนี้เกิดปัญหาซ้ำร้อยอีก พวกที่วิพากษ์วิจารณ์จะรับผิดชอบอย่างไร
“พวกผมพร้อมรับฟัง แต่ต้องบอกให้ชัด ไม่ใช้วิจารณ์อย่างเดียว รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลรับผิดชอบทางนโยบายอยู่แล้ว ส่วนข้อเสนอให้ลดไซส์...มันไม่ใช้โครงการแจกเงิน เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกับบริหาร”
“โครงการแจกเงิน คือ มีเงินเท่าไหร่ก็แจก แต่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ ช่วยคนรวยยันคนจน โครงการนี้ ให้คนทั้งประเทศมาช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นกระบวนการที่ให้ประชาชนได้เรียนรู้การค้าแบบใหม่ การใช้บล็อกเชน เรียนรู้เรื่องการค้าแบบใหม่ ที่กำลังมาแรง และเราจะไม่เป็นรองใคร เน้นให้เรียนรู้แบบครบวงจร และอย่ามองแต่วิธีของตัวเอง”
เรียนแบบเดิม คิดแบบเดิมมา 9 ปีแล้ว อะไรเกิดขึ้นกับประเทศ อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตประชาชนบ้าง คิดแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงแบบเดิมจะต้องคิดแบบใหม่
รัฐบาลไม่พรั่น พร้อมชนศึกอภิปราย 2 เวที
นอกจากเจอศึกหนักอกกับปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลที่เสมือนเปิดแผลปริ ให้กลายเป็นแผลฉีกขาด รอวันให้มีการเปิดเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในเดือน มี.ค.ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่นอน และยังต้องเจอศึกซักฟอกในเดือนถัดไปจากพรรคฝ่ายค้าน ที่รอคิวเชือดต่อ
แต่ “ภูมิธรรม” บอกว่า ไม่มีปัญหา และเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว เพราะการทำหน้าที่ของวุฒิสมาชิก เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการเปิดมาตรา 153 หมายถึง การฟังข้อทักท้วง ท้วงติง ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นอย่างไร
และมีข้อเสนอแนะอย่างไร หรือข้อท้วงติงมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างไร ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟัง อะไรที่ดีในสายตาจะนำมาเป็นข้อพึงสังวร ที่จะเอามาพิจารณา และหากเป็นข้อติติงที่ดีก็เอาไปปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าอะไร ส่วนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือน เม.ย.เร็วไปที่จะตอบ แต่ได้ยินมาแว่วๆ ว่า มีมายื่นรออยู่ที่วุฒิสมาชิกแล้ว และไม่กังวลรัฐบาลชุดนี้ พร้อมเผชิญหน้าทุกอย่าง
สองอดีตนายกฯ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” รับวิบากกรรมแล้ว
รวมทั้งข้อครหาเรื่องช่วย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงพักร้กษาตัวอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และอาจจะเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษในวันที่ 22 ก.พ. โดย ภูมิธรรม ระบุว่า สัญญาณจากอดีตนายกฯทักษิณมีเต็มที่มาโดยตลอด
ส่วนตัวไม่เคยรับรู้ จึงได้แต่ให้กำลังใจและอยากให้พ้นโทษเร็ว เชื่อว่า วิบากกรรมที่อดีตนายกฯ พบในช่วง 20 ปี ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหา...หลายๆ เรื่องตัดสินแล้วว่า ไม่เกิดปัญหา ก็ต้องชื่นชมอดีตนายกฯ ที่ตัดสินใจเข้ามาสู้กับกระบวนการยุติธรรม เพราะขณะนี้อายุมากแล้ว อยากอยู่กับครอบครัว มีหลานหลายคน ก็ไม่มีโอกาสได้เจอ
ทักษิณ ชินวัตร
ยกเว้นไปหาปีละหนสองหน ภรรยาก็ไม่เคยเจอกัน อายุขนาดนี้ คงอยากกลับมาใช้ชีวิตที่แผ่นดินเกิด เหมือนผู้นำโลกและผู้นำไทยหลายๆ คน บางคนที่ต้องออกไปอยู่นอกประเทศ เขาก็อยากกลับมา คนไทยเมื่อไปอยู่นอกประเทศ ก็อยากกลับมาเมืองไทยเป็นสิ่งที่ดีมาก
เมื่อถูกถามว่ามีเวลาไปเยี่ยมอดีตนายกฯทักษิณบ้างหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบทันทีว่า
ผมอยากไปเยี่ยมท่านมาก ผมใจส่งไป แต่ตัวผมเองมีภารกิจเยอะ ถ้าให้โอกาส ผมก็อยากไป
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ส่วนอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ จะได้กลับมาโดยใช้โมเดลเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณหรือไม่นั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ความรู้สึก คือ อยากให้กลับมา มีโอกาสได้ทำงานกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ท่านน่ารักมาก มีความตั้งใจมาก คิดว่าแม้กระทั่งคดีรับจำนำข้าวที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ก็ไม่ใช่การคอร์รัปชันทุจริต กระบวนการของการทุจริต เกิดปัญหาจากข้างล่าง คือ การกระจายข้าว แต่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เหมือนโดนข้อหาละเว้น
“...เพราะฉะนั้นท่านบริสุทธิ์ เพียงแต่ว่า เหตุเกิดจากระดับล่าง ระดับบนก็ต้องรับผิดชอบด้วย ที่สังคมต้องถกกัน ผมไม่ค่อยเห็นด้วย ที่ข้างล่างทำผิด ข้างบนต้องรับผิดหมด ไม่เช่นนั้นพนักงานระดับกรม ที่ทำอะไรผิด นายกฯต้องลาออก รองนายกฯต้องลาออก”
“ผมว่า มันไม่ใช่ ต้องพิสูจน์ให้รู้ชัดเจน คดีอาญาต้องมีเจตนาว่า มีส่วนร่วม อันนี้ไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย ไม่ได้มีเจตนาจะเกี่ยวข้องเลย ดังนั้นอย่าเอาเรื่อง เราต้องช่วยกันคิดในอนาคตว่าต้องทำอย่างไร อะไรที่ ศาลตัดสินไปแล้ว ไม่ติดใจอะไร ผมเคารพคำตัดสินของศาล แต่ว่าสำหรับเราในสังคม คนอยู่ได้ด้วยคนในสังคมช่วยกันคิด ถ้าเราคิดแล้วเสนอก็เป็นไปตามกติกา”
เมื่อถูกถาม อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์จะกลับแบบอดีตนายกฯทักษิณ หรือไม่นั้น อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอก ไม่รู้ว่า ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าถาม หวังได้แค่ว่า อยากให้กลับมา
ส่วนจะกลับมาวิธีไหน ไม่ใช่ข้อจำกัด หรือข้อความเข้าใจที่เสนอได้ ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม หรือจะตัดสินใจยังไง ก็ไม่อาจจะทราบได้