วันนี้ (20 มิ.ย.2567) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี กรณีการตรวจยึดเรือน้ำมันของกลาง โดยเฉพาะการพบแชตไลน์หลุดที่ปรากฎในสื่อมวลชน
จากการตรวจสอบ เชื่อได้ว่า แชตดังกล่าวเป็นแชตจริงโดยเป็นการสนทนาระหว่างข้าราชการตำรวจ 4 - 6 คน ซึ่ง 1 ในนั้น เป็นทหารเรือ ซึ่งเพื่อนร่วมรุ่นกันกับตัวเองก่อนที่จะมีการโอนย้ายไปเป็นตำรวจน้ำ
ส่วนที่เหลืออีก 5 คน แบ่งเป็น รอง ผบช.ก.จำนวน 2 คน รองผู้บังคับการสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน ระดับผู้กำกับการ 1 คน ยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.)
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นหัวหน้าคณะทำงานอยากเรียกร้องให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณาว่า คณะกรรมการชุดใดจะมีความเหมาะสม แต่ระหว่างนี้ หากยังไม่มีการแต่งตั้งหน่วยงานใดมา ตัวเองยืนยันจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและเป็นไปโดยเร็วที่สุด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.)
ด้าน พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยเรื่องโพยส่วย ที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการจ่ายเงิน ให้กับ 10 หน่วยงาน ซึ่ง 1 ในนั้นปรากฏข้อมูลว่า มีการจ่ายเงินให้กับผู้บังคับการตำรวจน้ำ 1 ล้านบาท ว่า เอกสารที่พบเป็นเอกสารเก่าที่เคยมีการตรวจยึดได้มานานแล้วเมื่อปี พ.ศ.2555 โดยเป็นการตรวจยึดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ
ส่วนจะจริงหรือไม่ ตัวเองไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากเป็นหน่วยงานต้นสังกัดแต่ยินดีให้หน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากตัวเองเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง จึงอยากขอความเป็นธรรม
ส่วนกรณีที่มีข้าราชการตำรวจน้ำปล่อยให้เรือของกลางดังกล่าวหายนั้นจากการตรวจสอบพบ ข้าราชการ 3 นาย มีความบกพร่องทำให้ราชการเสียหายอย่างรุนแรง หลังจากนี้จะส่งผลสรุปให้ สำหรับน้ำมันของกลางที่ตรวจพบในเรือขณะนี้ พบว่าคงเหลืออยู่ที่ 18,000 ลิตร
ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า คดีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คดีแรกเรือน้ำมันเถื่อนอยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และ อัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กองบังคับการปราบปรามมีหน้าที่ในการสืบสวนขยายผลและนำพยานหลักฐานไปสนับสนุนพยานหลักฐานในคดีที่ บก.ปอศ.รับผิดชอบอยู่
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม
ส่วนคดีที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องเรือหายทางกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ควบคุม วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ไปฝากขังเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการขยายผลผู้ต้องหาที่นำเรือทั้ง 3 ลำและน้ำมันไปขายเพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกองปราบกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังซึ่งเป็นผู้สั่งการให้นำเรือ
เบื้องต้นมีประมาณ 3-4 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ส่วนจะมีเสี่ยโจ้ด้วยหรือไม่ เบื้องต้นขอไม่ระบุตัวบุคคลว่าเป็นใคร
อ่านข่าว : ตร.นำตัว 8 ลูกเรือน้ำมันเถื่อน ฝากขังศาลอาญา - ค้านประกัน
"บิ๊กเต่า" สั่งตรวจสอบ "ผกก."คุยไลน์ "โจ้ ปัตตานี"
เตรียมฝากขัง 8 ลูกเรือขโมยเรือน้ำมัน-สอบขยายผลหาคนบงการ