ฝ่ายค้านอย่าเป็นฝ่ายแค้น วาทะกึ่งหวาดผวาของ “นายกฯ แพทองธาร”

การเมือง
13 ก.ย. 67
13:59
178
Logo Thai PBS
ฝ่ายค้านอย่าเป็นฝ่ายแค้น วาทะกึ่งหวาดผวาของ “นายกฯ แพทองธาร”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศุกร์ 13 กันยายน วันดิถีสิทธิโชค หรือวันโชคดี วันสำเร็จให้ลาภผล เป็นวันฤกษ์ดี ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในฐานะนายกรัฐมนตรี

และเป็นวันแรกในฐานะนายกฯ อีกเช่นกัน สำหรับเดินทางไป จ.เชียงราย ตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม และพบปะให้กำลังประชาชน ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติครั้งนี้

และเป็นวันที่ 2 สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา หลังจากในวันแรกการเจอกับด่านทดสอบแรก นายกฯ ป้ายแดง ปลุกปลอบขวัญตัวเอง ไปกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลและที่รัฐสภา ก่อนนำแถลงนโยบาย และนั่งในสภาฟังเสียงวิพากษ์สลับการลุกขึ้นชี้แจงเป็นบางช่วงตลอดทั้งวัน กว่าจะออกจากสภากลับบ้าน ปาไปถึงมืดค่ำ 2 ทุ่มกว่า จนเจ้าตัวบอกหมดแรง

การแถลงนโยบายเมื่อวันที่ 12 ก.ย. นายกฯชู 10 นโยบายเร่งด่วน ส่วนใหญ่ไม่ต่างจากนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มากนัก ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง นโยบายที่ตอกย้ำจะเร่งทำ คือปราบยาเสพติด แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต และกระตุ้นเศรษฐกิจ

เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอการรับน้องใหม่จากฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ 2 แกนนำ อย่างนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ที่วิพากษ์ว่า นโยบายหลายอย่างไร้รูปธรรม และยังตั้งฉายารัฐบาล 3 นาย “นายใหญ่ นายทุน นายหน้า” อีกคน คือ น.ส.สิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค หลังสแกนนโยบายแล้วพบว่า ก็อปปี้มาจากพรรคไทยรักไทย ระดับ 3 เอบวก

แต่ น.ส.แพทองธาร พยายามซ่อนความประหม่าไว้ได้ดีระดับหนึ่ง และนอกจากจะได้รับการปกป้องจากรัฐมนตรีระดับเก๋าเกมในรัฐบาลหลายคนแล้ว น.ส.แพทองธาร ยังทำหน้าที่ลุกขึ้นชี้แจงในสภาเป็นช่วง ๆ

ยืนยันตั้งใจจะบริหารราชการ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น และไม่ลืมย้ำคำพูดเดิม “จะทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”

ที่ลืมไม่ได้ คือพร้อมรับฟังข้อเสนอของทุกฝ่าย และเรียกร้องให้ร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ ของประเทศไปด้วยกัน ไม่ใช่การสร้างความเกลียดชัง และไม่อยากให้ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายแค้น

เป็นคำพูดที่สอดคล้องกับที่เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ขอเวลาให้รัฐบาลได้มีเวลาทำงานพิสูจน์ฝีมือก่อน และร้องขอบรรดา “นักร้องเรียน” อย่าใจร้อน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ เพราะนายกฯ อายุยังน้อย และลูกยังเล็กอยู่

สะท้อนความกังวลต่อปมปัญหาใหญ่ที่รออยู่ และนายกฯคนใหม่เริ่มได้เห็นแล้ว คือ “นิติสงคราม” การยื่นเรื่องร้องไปยัง กกต. และ ป.ป.ช. โดยมีเป้าหมายเพื่อถอดถอน และดำเนินการกับ น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ทั้งบางคำร้อง ให้มีการตรวจสอบเรื่องถูกครอบงำแทรกแซงจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อด้วย

แม้การยื่นคำร้องดังกล่าว อาจต้องใช้เวลา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีผลต่อสมาธิและการทำหน้าที่บริหารประเทศในฐานะผู้นำรัฐบาล เฉพาะแค่คำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คนเดียวก็หลายคำร้อง แทบจะเป็นรายวันแล้ว

นายเรืองไกร คือสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ลูกพรรคขอ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เพิ่งถูกขับออกจากรัฐบาล และมี “แค้นฝังหุ่น” กับนายทักษิณ ชนิดอาจต้องย่อยยับกันข้างหนึ่ง

ถ้าดูจากวิธีการและการการตอบโต้ใส่กัน ที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี ล่าสุด “ลุงป้อม” โดนเปิดประเด็นดิสเครดิต เรื่องคลิปเสียง 4 คลิป จนไปไม่เป็น อยู่ในขณะนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า “ลุงป้อม” ก็ยังมีลูกน้องและเครือข่ายยังอยูไม่น้อย

ผลจากความคับแค้นรุ่นพ่อ ซึ่งเคยมีสัมพันธภาพที่ดีต่างตอบแทนกันในอดีต แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ยิ่งเมื่อมีเรื่องศักดิ์ศรีและเรื่องอำนาจบารมีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ผลพวงจะตกไปถึงรุ่นลูก โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ผู้นำรัฐบาลคนใหม่อย่างเลี่ยงไม่พ้น

ทำให้ข้อเรียกร้อง ไม่อยากให้ฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายแค้น หรือขอให้ร่วมแรงร่วมใจกันพาประเทศผ่าวิกฤตของ น.ส.แพทองธาร อาจต้องเริ่มต้นจากคนใกล้ตัวก่อน ยังไม่นับวิธีการที่ผู้อาวุโส 2 คนนำมาใช้หวังชนะคะคานกันนั้น ถูกวิพากษ์จากนักวิชาการและกูรูอย่างกว้างขวางว่า หาสาระที่เป็นประโยชน์สำหรับส่วนรวมไม่ได้เลย

เป็นเพียงความบันเทิงคลายเครียด สำหรับประชาชนเท่านั้น และยังสะท้อนธาตุแท้ความเหลวแหลกในวิธีการเก่าๆ ดั้งเดิม ที่ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง ทั้งที่ควรตกรุ่นไปนานแล้ว

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว :

ข่าวที่เกี่ยวข้อง