ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ลูกสาว "ชัยชนะ" ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างเป็น DSI รีดเงินสูญ 6 แสน

การเมือง
30 ต.ค. 67
12:56
1,735
Logo Thai PBS
ลูกสาว "ชัยชนะ" ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์อ้างเป็น DSI รีดเงินสูญ 6 แสน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชัยชนะ" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ปธ.กมธ.ตำรวจ โวยลูกสาวถูกหลอก วิดีโอคอลอ้างเป็นดีเอสไอ รีดเงินสูญ 6 แสนบาท ประณามพฤติกรรมเลวทราม จี้ ผบ.ตร-นายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาคอลเซนเตอร์ด่วน

วันนี้ (30 ต.ค.2567) นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่บุตรสาวคนโตที่กำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัย โดนแก๊งคอลเซนเตอร์ รีดเงินกว่า 600,000 บาท ว่า มีบุคคลที่แอบอ้างชื่อ ร.ต.อ.อดิศักดิ์ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทรศัพท์มาที่บุตรสาว แจ้งว่ามีคดีความและอย่านำเรื่องนี้ ไปบอกพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง และบอกว่ามีหนทางในการช่วยเหลือโดยให้โอนเงินเพื่อช่วยเหลือคดี และให้พูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์

โดยบุตรสาวได้โอนเงินครั้งแรก 56,000 บาทในเวลาประมาณ 08.00 น หลังจากนั้นก็มีการเปิดวีดิโอคอลพูดคุย อีกฝ่ายใส่ชุดเป็นตำรวจ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีการบอกถึงคดีความว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ได้ให้โอนเงินครั้งที่ 2 บุตรสาวก็ได้โทรศัพท์มาหา และบอกว่าต้องจ่ายค่าเทอม ซึ่งได้ให้บุตรสาวส่งใบเสร็จการจ่ายค่าเทอมมา เพราะความจริงจะต้องจ่ายเดือนมกราคม แต่เนื่องจากบุตรสาวเป็นคนตั้งใจเรียน และไม่เคยมีประวัติที่ไม่ดีในด้านการเงิน จึงได้โอนเงินชำระค่าเทอมผ่านไปยังบุตรสาว

"หลังจากนั้นบุตรสาวก็ได้โอนเงินต่อไปไปให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ผ่านบัญชีม้า 100,000 บาท 2 ครั้ง รวม 200,000 บาท หลังจากแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกเงินไปแล้ว 3 ครั้ง ก็ได้กล่อมให้บุตรสาวกลับบ้านต่างจังหวัด เพื่อไปหาเงินไม่เช่นนั้นจะทำให้คุณพ่อ รวมถึงญาติพี่น้องเสื่อมเสียชื่อเสียง และจะแบล็คเมล์รูปที่วิดีโอคอลกันไว้ บุตรสาวจึงได้เดินทางกลับไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ไปเอาเงินที่คุณยายแล้วโอนเงินให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์อีก 393,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 650,000 บาท" นายชัยชนะกล่าว

ชัยชนะ เดชเดโช

ชัยชนะ เดชเดโช

ชัยชนะ เดชเดโช

นายชัยชนะยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำของแก๊งคอลเซนเตอร์ที่กระทำต่อเด็ก และเป็นบุตรของบุคคลสาธารณะในสังคม และใช้วาทะในการข่มขู่นักศึกษาเหล่านี้ ว่าถ้าไม่กระทำตามคุณพ่อคุณแม่จะเสียชื่อเสียงและจะนำรูปที่มีส่งให้มหาวิทยาลัย ทำให้เด็กเกิดความกลัว ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น บุตรสาว ก็ได้โทรมาหา และเล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ให้บุตรสาวแจ้งความดำเนินคดี ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช

นายชัยชนะ กล่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย ซึ่งจริงๆ แล้ววันนี้รัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องปรับตามเรื่องเหล่านี้อย่างเด็ดขาด และยังมีความโชคดีอยู่ว่าเขาไม่มาหลอกนำพาบุตรสาวไปดำเนินคดีแล้วมีการกักขังไว้เหมือนที่คนอื่นโดน เพราะปัจจุบันก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ ต้องยอมรับว่าเด็กหลายคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ถึงกระบวนการการกระทำแบบนี้ ก็จะโดนหลอกลวงแบบนี้อยู่บ่อยๆ

พร้อมกันนี้ ระหว่างการให้สัมภาษณ์นายชัยชนะได้เปิดหลักฐานการพูดคุยระหว่างบุตรสาวกับแก๊งคอลเซนเตอร์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งมีเนื้อหาการรายงานความเคลื่อนไหวของบุตรสาวอยู่ตลอดและมีการข่มขู่ ยังมีความโชคดีที่บุตรสาวตัดสินใจบอกตนเองและแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ เรื่องเหล่านี้ถ้าเราไม่จริงจังในการแก้ไข และไม่ทราบว่าคนไทยจะต้องสังเวยกับเรื่องแบบนี้ อีกนับเท่าไหร่ และบัญชีม้าทั้ง 3 บัญชี บุตรสาวได้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เพื่อเช็กเส้นทางทางการเงิน ว่าหลังจากโอนเข้าแล้วเส้นทางการเงินนี้ไปที่ไหน ซึ่งบัญชีม้าเหล่านี้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะรับเงินกว่า 600,000 บาท เห็นแค่ค่าจ้างหมื่นสองหมื่น ดังนั้นต้องฝากผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ถึงตัวการใหญ่ให้ได้ แล้วเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาโทรกลับก็ไม่ติด ส่วนห้องไลน์เมื่อบุตรสาว ดึงเข้าไปในกลุ่มผู้ที่แอบอ้างเป็นดีเอสไอ ก็ได้ออกจากไลน์ไปทันที และติดต่อไม่ได้อีกเลย

"ผมขอเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่เร่งรัดปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง และขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับ สตช.ต้องมีนโยบายปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจังเพราะไม่ใช่แค่ลูกสาวตนคนเดียวที่ถูกกระทำ เหยื่อทุกคน ก็ต้องได้รับความเป็นธรรมในคดีเหล่านี้ ผมในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรก็จะนำเรื่องนี้ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเพราะที่ผ่านมาตนก็ยังพิจารณาเรื่องแบบนี้อยู่มาก

สุดท้ายไม่คิดว่าสิ่งที่เราดำเนินการช่วยเหลือสังคมอยู่และปราบปรามอยู่วันนี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกสาวของตน เพราะกระทบกระทั่งจิตใจลูกสาวร้องไห้ หลังจากนี้ก็ต้องช่วยกันดูแลสภาพจิตใจ และผมขอประณามพฤติกรรมคนเหล่านี้ว่าเลวทรามมาก ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ มีคดีจริงๆ หากท่านมีคดีจริงๆ ขอให้ไปที่โรงพักสถานีตำรวจหรือหน่วยงานราชการอย่าไปหลงเชื่อกับคำพูดทางโทรศัพท์อย่าโอนเงินให้เขา เพราะข้อเท็จจริงไม่มีแบบนี้แน่นอน รวมถึงการลงทุนก็ขออย่าไปหลงเชื่ออย่าไปเกิดความโลภ ขอวิงวอนประชาชนเรื่องเหล่านี้อย่าหลงเชื่อ" นายชัยชนะกล่าว

ส่วนแนวทางการแก้ไขแนะนำว่า กสทช.จะต้องตัดเบอร์ทั้งหมด ที่ไม่ได้ลงทะเบียนซิมบ๊อก และต้องกำหนดว่าต่างด้าวสามารถใช้ได้คนละไม่เกินกี่เบอร์ รวมถึงบุคคลที่มีเงินเข้าเกินต้องไปตรวจสอบภาษีดูว่า มีการลงทะเบียนธุรกิจหรือมีรายได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องอายัดบัญชีเหล่านี้ ถ้าไม่เริ่มตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก็ปราบปรามไม่ได้ รวมถึงกลุ่มคนจีนทั้งหลายที่กระทำเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่มีคนไทยร่วมด้วยตนบอกไว้เลยว่าควรหยุดพฤติกรรมหลอกลวงเพื่อนมนุษย์ ฆ่าเพื่อนมนุษย์ เป็นบาปเป็นกำสิ่งที่คุณสร้างไว้มันหนีไม่พ้น อาจจะมีความสุขในวันนี้แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัว ญาติของคุณจะรู้สึกอย่างไร

ส่วนนอกจากพฤติการณ์หลอกโอนเงินยังมีพฤติการณ์อื่นอีกหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่กลุ่มนี้ก็ทำคือแก๊งคอลเซนเตอร์คุยกับบุตรสาวและขู่นำภาพที่คุยไปเผยแพร่ซึ่งถ้า มีภาพเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ได้แจ้งความกับผู้ที่แชร์ภาพและเผยแพร่

อ่านข่าว : 

DSI แนะผู้เสียหาย "นัตตี้" หลอกเทรดหุ้น ประสาน ปปง.ขอเฉลี่ยทรัพย์

"กบ ไมโคร-ลูกตาล" ชี้แจงหลังมีชื่อใน 7 แม่ข่ายถูกทนายบอสพอลยื่นเอาผิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง