ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เปิดข้อมูล มูลนิธิเด็กกำพร้าเก่าแก่ ใน จ.เชียงใหม่ "ทารุณกรรมเด็ก"

สังคม
6 พ.ย. 67
18:53
51
Logo Thai PBS
เปิดข้อมูล มูลนิธิเด็กกำพร้าเก่าแก่ ใน จ.เชียงใหม่  "ทารุณกรรมเด็ก"
อดีตพี่เลี้ยงเผยข้อมูล นักสังคมสงเคราะห์-เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเด็กกำพร้าในเมืองเชียงใหม่ ลงโทษเด็ก 3-6 ขวบแบบทารุณกรรมนานหลายปี ให้กินข้าวนั่งแช่บนกระโถนหลายชั่วโมง -เอากระโถนแขวนคอ -ให้กินพริกจนลิ้นเป็นแผล-นั่งคุกเข่าตากแดดบนพื้นขรุขระ

เด็ก คือ เด็กเล็กอายุ 3-6 ขวบ พอเด็กทำผิดก็ลงโทษรุนแรงอย่างเช่นให้เด็กกินพริก แต่ไม่ได้ให้กินทั้งเม็ดนะ เอามาหั่น ๆ แล้วให้กิน ให้ดมขิง ข่า ใบมะกรูด โดยไม่ได้บอกเด็กว่าคืออะไร จนเด็กที่กินพริกลิ้นมีแผลติดเชื้อ อดีตพี่เลี้ยงรายหนึ่งให้ข้อมูลกับไทยพีบีเอส ถึงสภาวะที่เด็กเล็กภายในสถานสงเคราะห์ของมูลนิธิเด็กกำพร้าเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่กำลังเผชิญ

สถานสงเคราะห์เด็กแห่งนี้ จดทะเบียนเป็นสถานสงเคราะห์เอกชนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โครงสร้างของมูลนิธิมีผู้หลักผู้ใหญ่ของเชียงใหม่เป็นกรรมการ โดยบุคคลที่มีข้อมูลว่ากระทำรุนแรงกับเด็กคือ “นักสังคมสงเคราะห์” หญิงวัย 40 ต้น ๆ ซึ่งมีอำนาจมากที่สุดกับเจ้าหน้าที่ และพี่เลี้ยงอีกจำนวนหนึ่ง โดยมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กเล็กแบบทารุณกรรมมานานหลายปี มีหลักฐานข้อมูลในช่วงปี 2565-2567 พบว่า เด็กถูกลงโทษเข้าข่ายทารุณกรรมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การตวาด หยิก ตีจนเกิดร่องรอยบาดแผล เหวี่ยงเด็กจนติดตู้ ให้นั่งตากแดด 2-3 ชม. มีเด็กฉี่รดกางเกงก็เอากระโถนแขวนคอ ให้ถือชามข้าวนั่งคุกเข่าเป็นชั่วโมง ฯลฯ

เมื่อก่อนในห้องเรียนจะเป็นห้องเรียน แต่ตอนนี้ครูบางคนเอาข้าวของไปวางบนหลังตู้แล้วกล่าวหาว่าเด็กขโมยน้ำของครู ขโมยขนมกิน จึงสั่งเด็กนั่งคุกเข่ากินข้าว กินข้าวเสร็จ ก็ให้วิ่งรอบสนาม มันก็จุก เขาไม่เข้าใจเด็กเลย อดีตพี่เลี้ยงรายหนึ่ง เปิดเผยข้อมูล 

เด็กที่ถูกเอากระโถนแขวนคอ คือเด็กที่ปัสสาวะรดกางเกง ซึ่งเป็นปกติของเด็กวัยนี้ บางทีเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่ทัน

ผู้ให้ข้อมูลระบุว่า มูลนิธิฯแห่งนี้ แบ่งห้องดูแลเด็กเป็น 3 ช่วงอายุ คือ เด็กอ่อน อายุ 3 เดือน - 1 ปี เด็กเล็กอายุ 1 ปีครึ่ง - 3 ปี และเด็กก่อนวัยเรียน 3 ปีครึ่ง – 6 ปี ซึ่งรับเด็กต่อมาจากสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ สังกัดกระทรวง พม. ซึ่งเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียนซึ่งกำลังเติบโตมีพัฒนาการตามช่วงวัย ซึ่งอาจซุกซนตามประสาบ้าง คือ กลุ่มที่ถูกทำร้ายส่งผลให้เด็กจำนวนมากมีพัฒนาการที่ผิดปกติ เช่น เงียบขรึม หรือมีความก้าวร้าวเพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งยังทำงานอยู่ภายในสถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้บอกว่า ครั้งหนึ่งมีเด็กกำลังถูกตะคอกดุด่า และสั่งให้นั่งคุกเข่ากับพื้นแข็ง ๆ ขรุขระ เด็กเห็นตนเองกำลังเดินมา จึงหันมาร้องเรียกว่า "แม่" ซึ่งเป็นศัพท์ปกติที่เด็กใช้เรียกเจ้าหน้าที่ภายในบ้าน แต่ทางนักสังคมสงเคราะห์คนดังกล่าวหันมาตวาดว่า "ไม่ต้องยุ่ง !" ตนจึงไม่กล้ายุ่ง ได้แต่สงสารเด็ก เพราะนักสังคมสงเคราะห์รายนี้ เป็นคนใกล้ชิดของเลขาธิการมูลนิธิ 

โดยสภาพตอนนี้ ทางมูลนิธิแห่งนี้ไม่ควรรับเด็กมาดูแลแล้ว ถ้าจะดำเนินการต่อ ต้องปรับเปลี่ยนผู้บริหารอย่างเดียว

เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่า ทางผู้บริหารปัจจุบันของมูลนิธิแทบไม่ได้ใส่ใจสวัสดิภาพของเด็ก รวมถึงกระบวนการเลี้ยงดูภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก อาจเป็นเพราะผู้บริหารมูลนิธิส่วนใหญ่มีอายุมากแล้วจึงไม่ได้ลงมาดูแลปัญหา แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง ก็จะสั่งให้นักสังคมสงเคราะห์ไปจัดการให้เด็กเงียบเสียง แต่เมื่อเป็นข่าวไปถึงบุคคลข้างนอกก็จะเข้ามาข่มขู่เจ้าหน้าที่ มีการบีบบังคับให้พี่เลี้ยงบางรายลาออก เพราะเชื่อว่าเป็นคนถ่ายคลิปเด็กถูกทำร้ายไปเผยแพร่

มีหลักฐานว่า ช่วงเดือน ม.ค.2566 แพทย์โรงพยาบาลมหาราชจังหวัดเชียงใหม่ได้ตรวจพบร่องรอยบาดแผลในตัวเด็ก และในเดือน ก.ค. 2566 พบว่า ลิ้นเด็กติดเชื้อรา ซึ่งสันนิษฐานว่า มาจากการกินเผ็ดรุนแรง

แพทย์ได้รายงานผู้รับผิดชอบตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ฯ ซึ่งทาง พม.จังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งไปยังกรรมการมูลนิธิแห่งนี้ จึงมีการสอบสวนพบว่า มีพี่เลี้ยง ครูพัฒนาการ นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ รวมจำนวน 9 คน ซึ่งคิดเป็น 40 % ของ เจ้าหน้าที่ที่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก เพียงแค่ทำทัณฑ์บนนักสังคมสงเคราะห์รายนี้ แต่มีการให้ออกพี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่ 8 คน แต่ต่อมาพบว่า รับกลับมาทำงานอีก 4 คน ซึ่ง 1 ใน 4 นั้นมีประวัติรักษาอาการซึมเศร้าอยู่ที่โรงพยาบาลสวนปรุง

ในขณะที่มูลนิธิก็ไม่ได้ปรับปรุงกระบวนการดูแลเด็ก ทำให้ในเดือน ก.ค. - ต.ค.2567 มีรายงานว่า มีพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ทำร้ายเด็กอีก จึงทำให้หน่วยงานภายนอก ทั้ง พม.จังหวัดเชียงใหม่ กสส.) กรมกิจการเด็กและเยาวชน, ร่วมกับ ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ศพดส. ฯลฯ เข้าไปตรวจสอบมูลนิธิเด็กกำพร้าแห่งนี้ โดยดำเนินการเบื้องต้น โดยแยกเด็กส่งกลับสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์ และเก็บรวบรวมหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงที่ปรากฏหลักฐานทำร้ายเด็ก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่รับเป็นคดีแล้ว

มีรายงานว่า ภายในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย.) ทางผู้ว่าราชการจังหวัด และ พม.จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งหนังสือเรียกให้ทางผู้บริการมูลนิธิมาชี้แจงปัญหาและแนวทางแก้ไข ซึ่งทีมข่าวไทยพีบีเอสจะติดตามความคืบหน้ารายงานให้ทราบต่อไป

อ่านข่าว : พม.-ตร.บุกตรวจ “สถานสงเคราะห์สระบุรี” ทำร้ายเด็ก ขังห้องมืด

ตร.เตรียมแจ้ง 3 ข้อหาพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กสถานสงเคราะห์ 

กมธ.จ่อสอบ พม.ปมมูลนิธิฯ ถูกร้องทำร้ายเด็ก 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง