วันนี้ (11 ก.พ.2568) พนักงานสอบสวนกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมเข้าพบพนักงานอัยการเพื่อนำหลักฐานคดีการค้ามนุษย์ หารือในประเด็นข้อกฎหมายการขอออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง BGF หรือผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยง กองกำลังสำคัญที่ปกครองเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
พนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า มีหลักฐานคดีที่ดีเอสไอตรวจสอบ ปรากฏหลักฐานภายหลังการช่วยเหลือเหยื่อคดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย ซึ่งถูกนำตัวไปบังคับทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์
เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้นำกองกำลัง BGF ที่จะมีการเสนอขอออกหมายจับ ประกอบด้วย พ.อ.หม่องชิตตู, พ.ท.โมเต โธน และ พ.ต.ทิน วิน
"ทวี" ระบุออกหมายจับ "หม่องชิตตู" พัวพันค้ามนุษย์เป็นคดีเก่า
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การออกหมายจับหม่องชิตตู เป็นเรื่องเก่าที่สืบเนื่องจากกรณีคนไทยถูกกักตัวในประเทศเพื่อนบ้านและมีการพาดพิงถึงหม่องชิตตูในประเด็นเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ไม่ได้ออกหมายจับแค่คนเดียว แต่มีชาวต่างชาติคนอื่นด้วย
พร้อมระบุว่า การติดตามสอบสวนก่อนนำมาสู่การออกหมายจับเป็นกระบวนการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงฯ ของจีนเดินทางมาไทย โดยเรื่องนี้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอดำเนินการอย่างรอบคอบ และเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรจึงต้องสอบสวนร่วมกับอัยการว่าจะออกหมายจับใครบ้าง คดีนี้จะขยายไปยังคดีฟอกเงินและยืนยันจะทำอย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งต้องประสานความร่วมมือกับเมียนมา
รมว.ยุติธรรม ยืนยันว่า การทำงานของดีเอสไอไม่มีอคติ ใช้หลักฐานเป็นตัวกำหนด และเชื่อว่าการนำตัวหม่องชิตตูมาดำเนินคดีไม่ใช่เรื่องยาก ขึ้นอยู่กับผู้นำของทางเมียนมา เพราะรัฐบาลไทยมีความจริงใจอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าขณะนี้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์
เป็นภัยพิบัติของมนุษยชาติที่ทุกประเทศเผชิญกับปัญหาการหลอกลวงฉ้อโกง และศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงปัญหายาเสพติดด้วย แต่การดำเนินการต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนและบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าว
ค้นอาคารพาณิชย์ที่สุรินทร์ โยงคนจีนถูกหลอกทำงานคอลเซนเตอร์