ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นิสัยเสียไม่รู้ตัว! โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะสมองส่วนหน้าพัง

สังคม
23 เม.ย. 68
17:35
369
Logo Thai PBS
 นิสัยเสียไม่รู้ตัว! โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะสมองส่วนหน้าพัง
อ่านให้ฟัง
16:14อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"สมองส่วนหน้า" ส่วนควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ และมารยาทในสังคม ถ้าได้รับบาดเจ็บ อาจนำไปสู่ "โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ" และความผิดปกติทางจิตใจที่รุนแรง ที่บางครั้งยังเชื่อมโยงกับพฤติกรรมอาชญากรชื่อดัง แล้วจะสังเกตอาการจากคนรอบตัว เพื่อนร่วมงาน ได้อย่างไร ?

ลองนึกภาพสมองที่เหมือนศูนย์บัญชาการ สมองส่วนหน้า (Frontal Lobe) คือ ห้องควบคุมที่สั่งการทุกอย่าง ตั้งแต่การตัดสินใจว่าจะพูดอะไรในที่ประชุม การยั้งตัวเองไม่ให้โมโหเมื่อเจ้านายดุ ไปจนถึงการวางแผนชีวิตในอีก 5 ปีข้างหน้า จุดรวมอยู่ที่ตรงหน้าผากทั้งสิ้น และเป็นส่วนที่ทำให้มนุษย์เป็น "มนุษย์" ที่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้

แต่ถ้าสมองส่วนนี้พัง ชีวิตอาจเปลี่ยนไปในแบบที่ไม่คาดคิด

สมองส่วนหน้าสามารถเกิดความเสียหายได้จากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุรถยนต์ การล้มหัวกระแทก หรือแม้แต่การถูกเขย่าตัวแรง ๆ ตอนเป็นเด็กทารก โดยเรียกอาการนี้ว่า Shaken Baby Syndrome ซึ่งพ่อแม่บางคนอาจไม่รู้ว่าอันตรายแค่ไหน

ความเสียหายนี้อาจนำไปสู่ โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ หรือพฤติกรรมที่เห็นแล้วรู้สึกว่า คนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ ? และบางครั้ง มันอาจรุนแรงถึงขั้นเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนที่สังคมมองว่าอันตราย

ชีวิตเปลี่ยนอย่างไร เมื่อสมองส่วนหน้าทำงานผิดปกติ  

สมองส่วนหน้ามีส่วนย่อย ๆ เช่น Prefrontal Cortex ที่ช่วยคิด ช่วยจัดการวางแผน และ Orbitofrontal Cortex ที่ควบคุมอารมณ์และมารยาทในสังคม ถ้า 2 ส่วนนี้บาดเจ็บ อาจเกิดผลกระทบ ดังนี้

  • ใจร้อน ขาดสติ จากคนที่เคยใจเย็น อาจกลายเป็นคนโมโหง่าย พูดจาไม่คิด เช่น ด่าคนในที่ประชุมต่อหน้าทุกคน
  • ทำอะไรไม่ยั้งคิด เช่น ใช้เงินฟุ่มเฟือยจนหมดตัว ขับรถเร็วโดยไม่สนอันตราย หรือพูดเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรพูดในที่ทำงาน
  • บุคลิกเปลี่ยน จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเฉยชา ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น หรือบางคนกลายเป็นก้าวร้าวจนคนรอบข้างรับไม่ได้
  • วางแผนไม่ได้ ลืมนัดสำคัญ ส่งงานไม่ทัน หรือตัดสินใจอะไรผิด ๆ ซ้ำ ๆ จนคนรอบตัวเริ่มหงุดหงิด
  • อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย บางวันเหมือนไม่สนใจอะไรเลย บางวันก็ระเบิดอารมณ์ใส่คนใกล้ตัว
ผมเคยเจอเพื่อนที่ทำงานคนหนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี เดิมทีเขาเป็นคนขยันและเป็นมิตร แต่หลังจากอุบัติเหตุที่หัวถูกกระแทกแรง เขาก็เปลี่ยนไป มาทำงานสาย กลับบ้านก่อนไม่สนใจกฎบริษัท โกหกบ่อย ทำให้เพื่อนร่วมงานอึดอัด ทีแรกทุกคนคิดว่าเขาแค่เครียด แต่สุดท้ายหมอพบว่า สมองส่วนหน้าของเขาได้รับความเสียหาย

พนักงานออฟฟิสวัย 50 ปีคนหนึ่ง สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ได้เจอกับผู้ป่วยที่สมองส่วนหน้าได้รับความเสียหายให้ไทยพีบีเอสออนไลน์ฟัง

ความเสียหายที่สมองส่วนหน้า ไม่ได้แค่ทำให้ใจร้อนหรือตัดสินใจแย่ มันอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยเองและคนรอบข้าง

  • โรคขาดความยับยั้งชั่งใจ (Impulse Control Disorders) ผู้ป่วยจะทำอะไรโดยไม่คิด เช่น ขโมยของ หรือ ทำร้ายร่างกาย จิตใจ คนอื่นโดยไม่สนใจ
  • โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) ขาดความเห็นอกเห็นใจ ทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรมโดยไม่รู้สึกผิดใด ๆ 
  • โรคสมาธิสั้น (ADHD) ขาดสมาธิ ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจรุนแรงขึ้นถ้าสมองส่วนหน้าเสียหาย
  • โรคบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (Borderline Personality Disorder) อารมณ์แปรปรวนรุนแรง ความสัมพันธ์วุ่นวาย และทำอะไรเสี่ยง ๆ ต่อการใช้ชีวิต
  • สมองเสื่อมส่วนหน้าและขมับ (Frontotemporal Dementia) อาการจะคล้ายคนแก่ แต่เกิดในวัย 40-60 ปี ทำให้บุคลิกเปลี่ยนและขาดความยับยั้ง
  • โรคซึมเศร้าและวิตกกังวล เพราะความเสียหายจากสมองส่วนหน้า ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนกลายเป็นซึมเศร้าเรื้อรังหรือกังวลเกินเหตุ
  • การติดยาเสพติด สมองส่วนหน้าที่เสียหาย ทำให้ขาดการควบคุม ติดแอลกอฮอล์ ยา หรือพนันง่ายขึ้น

โรคเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หลายคนอาจเคยเจอคนที่เปลี่ยนไปหลังจากเจออุบัติเหตุ หรือบางคนที่ดู "แปลกไป เปลี่ยนไป" โดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งอาจมาจากสมองส่วนหน้าที่มีปัญหา

"อาชญากร" ที่สมองส่วนหน้าเสียหายจนพาไปสู่ความรุนแรง

สมองส่วนหน้าที่เสียหายอาจเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนที่ก่อคดีร้ายแรงได้ มาดูเคสจริงที่ทำให้วงการแพทย์และกฎหมายต้องตกตะลึง

Phineas Gage (1848) คนงานรถไฟชาวอเมริกันที่รอดชีวิตหลังแท่งเหล็กแทงทะลุหน้าผากของเขา เดิมทีเขาเป็นคนขยันและใจดี แต่หลังบาดเจ็บ เขากลายเป็นคนก้าวร้าว ดื่มเหล้า และเสียการควบคุมตัวเอง คดีนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แพทย์รู้ว่า สมองส่วนหน้าควบคุมบุคลิกภาพ

Charles Whitman (1966) อดีตนาวิกโยธินที่ยิงผู้คนจากหอคอยมหาวิทยาลัยเท็กซัส มีผู้เสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บ 31 คน ก่อนหน้านี้ เขาบ่นถึงอาการปวดหัวและเริ่มมีพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ การชันสูตรพบเนื้องอกในสมองที่กดทับสมองส่วนหน้า ทำให้เขาเสียการควบคุมอารมณ์

John Hinckley Jr. (1981) ชายที่พยายามลอบสังหาร ปธน.สหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน การสแกนสมองพบความผิดปกติในสมองส่วนหน้า ซึ่งทำให้เขาขาดความยับยั้งชั่งใจและหมกมุ่นกับความคิดสุดโต่ง ศาลตัดสินว่าเขา "วิกลจริต" และไม่ต้องรับโทษจำคุก

Herbert Weinstein (1992) ชายวัย 65 ปีที่ฆ่าภรรยาด้วยการผลักออกจากหน้าต่าง การตรวจพบถุงน้ำขนาดใหญ่ในสมองส่วนหน้า ซึ่งอาจทำให้เขาขาดการควบคุมอารมณ์ คดีนี้เป็นครั้งแรกที่ศาลสหรัฐฯ ใช้การสแกนสมองเป็นหลักฐานในคดีอาญา

งานวิจัยของ ดร.เอเดรียน ไรน์ นักประสาทวิทยา พบว่า นักโทษที่ก่อคดีรุนแรง เช่น ฆาตกรรม มักมีสมองส่วนหน้าที่ทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณที่ควบคุมความรู้สึกผิดและการยับยั้งพฤติกรรม

นี่ทำให้เห็นว่า สมองที่เสียหายอาจเปลี่ยนคนดี ๆ ให้กลายเป็นคนที่ทำร้ายผู้อื่นได้

ช่วยคนที่มีปัญหาสมองส่วนหน้าได้ยังไง ?

ถ้าสมองส่วนหน้าเสียหาย การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าจะหมดหวัง มีวิธีช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้

  • คุยกับนักจิตวิทยา
    • บำบัดแบบ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม เช่น ฝึกให้คิดก่อนพูดหรือทำ
    • การบำบัดทักษะทางสังคม ช่วยให้รู้วิธีอยู่ในสังคม เช่น ไม่ขัดจังหวะคนอื่น หรือจัดการความโกรธ

  • ใช้ยา
    • ยากล่อมประสาท ช่วยลดความก้าวร้าวและควบคุมอารมณ์
    • ยาสำหรับสมาธิสั้น ช่วยเพิ่มการโฟกัสและลดความหุนหัน
    • ในกรณีรุนแรง เช่น อาการหลงผิดจากสมองเสื่อม อาจใช้ยาต้านโรคจิต 

  • ฟื้นฟูสมองและร่างกาย
    • กายภาพบำบัด ช่วยถ้าสมองส่วนหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเสียหาย เช่น เดินลำบาก
    • การบำบัดการพูด ช่วยคนที่พูดติดขัดหรือสื่อสารไม่ได้
    • การฝึกทักษะชีวิต เช่น การจัดการเวลา ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตได้

  • ปรับชีวิตประจำวัน
    • สร้างตารางชีวิตที่ชัดเจน เช่น ตื่นกี่โมง ทำงานอะไร ช่วยลดความสับสน
    • ครอบครัวต้องเข้าใจและช่วย เช่น ไม่ปล่อยให้อยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้โมโห
    • ลดสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงดังหรือความกดดันจากงาน

  • รักษาต้นเหตุ
    • ถ้ามีเนื้องอกหรือเลือดคั่งในสมอง การผ่าตัดอาจช่วยฟื้นฟูบางส่วน
    • ถ้าเกิดจากการติดเชื้อ เช่น สมองอักเสบ ยาปฏิชีวนะอาจลดความเสียหาย

  • เทคโนโลยีใหม่ ๆ
    • Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) ใช้คลื่นแม่เหล็กกระตุ้นสมองส่วนหน้าให้ทำงานดีขึ้น
    • ในกรณีรุนแรง อาจใช้ Deep Brain Stimulation ฝังอุปกรณ์ในสมองเพื่อควบคุมพฤติกรรม

ส่วนถ้าสมองเสียหายถาวร เช่น สมองเสื่อม การดูแลแบบประคับประคอง เช่น มีคนดูแลใกล้ชิด จะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวรับมือได้ดีขึ้น

หรือเพื่อนเราอาจมีปัญหาที่สมองส่วนหน้า ?

หลายคนอาจเคยเจอคนที่จู่ ๆ ก็ดู "แปลกไป" เช่น เพื่อนร่วมงานที่เปลี่ยนไป ญาติที่เริ่มทำตัวไม่เหมือนเดิม อาการของสมองส่วนหน้าที่เสียหายอาจปรากฏในคนใกล้ตัว โดยไม่ต้องรออุบัติเหตุใหญ่ ๆ สัญญาณที่ควรระวัง ได้แก่

  • บุคลิกเปลี่ยน จากคนใจเย็น กลายเป็นคนโมโหง่าย พูดจาไม่เหมาะสม หรือหัวเราะในสถานการณ์ที่ไม่ควร
  • ทำอะไรไม่คิด เช่น ขัดจังหวะในที่ประชุม พูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนแปลกหน้า หรือใช้เงินจนเกินตัว
  • อารมณ์ไม่คงที่ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย บางวันเหมือนไม่สนใจอะไร บางวันก็ระเบิดอารมณ์
  • ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำผิด หรืออาจทำอะไรที่คนอื่นมองว่าแย่ แต่ตัวผู้ป่วยไม่คิดว่าผิด เช่น กล่าวหาคนอื่นต่อหน้า แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  • งานพัง เพราะลืมส่งงาน ลืมนัด หรือตัดสินใจอะไรที่ทำให้ตนเองหรือเพื่อนร่วมงานเสียหาย

ลองนึกถึงใครสักคนในที่ทำงาน ที่เริ่มมาสายบ่อยขึ้น พูดจาไม่คิด หรือตัดสินใจแปลก ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนรอบคอบ

อาจไม่ใช่แค่เขา "นิสัยเปลี่ยน" แต่สมองส่วนหน้าของเขาอาจมีปัญหา สาเหตุอาจมาจากอุบัติเหตุเล็ก ๆ หรือแม้แต่การถูกเขย่าตัวแรง ๆ ตอนเด็ก ๆ ซึ่งบางครั้งพ่อแม่ก็ไม่รู้ว่านั่นอันตราย

รู้ก่อนรักษาก่อน ทำอย่างไร ?

ถ้าสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีปัญหาที่สมองส่วนหน้า หมอสมัยนี้มีวิธีตรวจที่แม่นยำ ได้แก่

  • คุยกับหมอประสาทวิทยา โดยหมอจะถามประวัติ เช่น เคยหัวกระแทกไหม หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ และอาจคุยกับครอบครัวเพื่อยืนยัน
  • ทดสอบสมอง ด้วยการใช้แบบทดสอบ เช่น ให้เรียงลำดับงาน หรือทดสอบว่ายับยั้งตัวเองได้แค่ไหน เช่น อ่านคำว่า "แดง" แต่ตัวอักษรเป็น "สีน้ำเงิน" แล้วดูว่าจะสับสนไหม
  • สแกนสมอง
  • MRI หรือ CT Scan ดูว่ามีรอยแผล เนื้องอก หรือเลือดคั่งในสมองหรือไม่
  • Functional MRI (fMRI) ดูว่าสมองส่วนหน้าทำงานปกติไหมขณะเราคิดหรือตัดสินใจ
  • PET Scan ดูการเผาผลาญของสมอง เผื่อมีอะไรผิดปกติ เช่น สมองเสื่อม
  • ตรวจคลื่นสมอง (EEG) ดูว่ามีคลื่นสมองแปลกๆ ที่อาจทำให้ชักหรือพฤติกรรมเปลี่ยน
  • ตรวจเลือดหรือน้ำไขสันหลัง หาการติดเชื้อหรือปัญหาอื่นที่อาจกระทบสมอง
เพื่อนที่ทำงาน อายุ 50 ปี เริ่มมีปัญหาลืมง่าย โมโหง่าย ทุกคนคิดว่าเขาแค่แก่ แต่พอไปหาหมอ หมอพบว่าเขาเคยหัวกระแทกจากอุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครคิดว่ามันจะมีผลอะไร

ข้าราชการคนหนึ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อคนใกล้ตัวเป็นผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัว สมองส่วนหน้าเสียหายจากอุบัติเหตุรถชนเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่น ที่คนทั่วไปอาจเจอได้ เช่น

  • การเขย่าตัวเด็ก พ่อแม่บางคนเขย่าเด็กตอนร้องไห้เพื่อให้หยุด โดยไม่รู้ว่า นั่นอาจเป็นการสร้างความเสียหายแก่สมองส่วนหน้า
  • สารพิษ เช่น เด็กที่แม่ดื่มเหล้าตอนท้อง (Fetal Alcohol Syndrome) หรือสัมผัสสารตะกั่วจากสิ่งแวดล้อม
  • ติดเชื้อไวรัส ทำให้สมองอักเสบ สาเหตุอาจเกิดจากไข้หวัดรุนแรง
  • ขาดออกซิเจน เช่น เกือบจมน้ำ หรือมีปัญหาการหายใจขณะหลับ
  • บาดเจ็บซ้ำ ๆ นักกีฬาที่โดนกระแทกหัวบ่อย ๆ หรือคนที่เคยล้มหลายครั้ง

ในที่ทำงาน อาจเจอเพื่อนร่วมงานที่ดู "ควบคุมตัวเองไม่ได้" เช่น พูดจาไม่เหมาะสมในที่ประชุม หรือตัดสินใจอะไรที่ทำให้ทีมเดือดร้อน แต่แทนที่จะตัดสินว่าเขา "นิสัยไม่ดี" ลองชวนคุยและแนะนำให้ไปหาหมอ เพราะเขาอาจมีปัญหาที่สมองโดยไม่รู้ตัว

อย่าปล่อยให้สมองส่วนหน้าทำลายโอกาสข้างหน้าของชีวิต

สมองส่วนหน้าที่เสียหาย ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุ การเขย่าตัวตอนเด็ก หรือสาเหตุอื่น ๆ อาจเปลี่ยนคนรู้จักให้กลายเป็นคนละคน จากคนสุภาพอาจกลายเป็นคนใจร้อน ขาดความยับยั้งชั่งใจ หรือแม้แต่ก่อคดีร้ายแรงอย่างที่เห็นในเคส Phineas Gage หรือ Charles Whitman โรคที่ตามมา เช่น โรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม สมาธิสั้น หรือสมองเสื่อมส่วนหน้าและขมับ สามารถทำลายทั้งชีวิตผู้ป่วยและคนรอบข้าง

แต่ข่าวดีคือ มีวิธีช่วย เริ่มจากการบำบัด ใช้ยา ฟื้นฟูสมอง หรือปรับชีวิตประจำวัน ถ้าสังเกตเห็นเพื่อนร่วมงาน ญาติ หรือแม้แต่ตัวเอง มีอาการแปลก ๆ เช่น ใจร้อนเกินเหตุ ลืมงานบ่อย หรือทำอะไรไม่ยั้งคิด อย่าปล่อยผ่าน ชวนไปหาหมอเพื่อตรวจสมอง อาจช่วยให้เจอปัญหาและแก้ไขได้ทันเวลา

จงมีเมตตา อย่ามองแค่ว่า คน ๆ นี้เป็นคนนิสัยเสีย
เพราะบางที สมองของเขาอาจกำลังขอความช่วยเหลืออยู่ก็ได้

รู้หรือไม่ : ความเสียหายที่สมองส่วนหน้า สามารถทำให้ คนกล้าปฏิเสธความผิด ไม่รู้สึกผิด ใช้ชีวิตแบบผิด ๆ และไม่ยอมรับผิด แม้หลักฐานชัดเจน เพราะขาดการทำงานของส่วนที่ควบคุมศีลธรรมและมโนธรรม

ที่มา: National Institute of Neurological Disorders and Stroke (NINDS), The Anatomy of Violence : The Biological Roots of Crime, Principles of Frontal Lobe Function. Oxford University Press., Cleveland Clinic. Frontal Lobe Damage : Symptoms, Causes, and Treatment., Case Studies : Phineas Gage, Charles Whitman, John Hinckley Jr., and Herbert Weinstein from Forensic Neuroscience Literature.

อ่านข่าวเพิ่ม :

“มาดามแป้ง” บริจาค 25 ล้านช่วยสมาคมฯ จ่ายหนี้สยามสปอร์ต

ตม.1 ตรวจไซต์งานก่อสร้างศาลฯ ไม่พบคนจีนใช้วีซา นศ.ทำงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง