กลต.สหรัฐฯแจ้งจับ 6 ผู้บริหารระดับสูง 2 ธนาคาร หลังหลอกลวงนักลงทุน
ผู้บริหารระดับสูง 6 คนของธนาคารแฟนนี่เม และธนาคารเฟรดดี้แม็คของสหรัฐ ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ฟ้องข้อหาทุจริตรวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารทั้งสองแห่งด้วยคือ นายแดเนียล มัด และนายริชาร์ด ไซรอน ทั้งสองคนถือเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดที่ถูกตั้งข้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่ไม่มีการแจ้งข้อหาต่อผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เกิดการล่มสลายทางการเงินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2472 หรือที่เรียกว่า เดอะเกรท ดีเปรสชั่น
คดีความได้ถูกส่งฟ้องที่ศาลแห่งรัฐในนครนิวยอร์ก ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกลต.สหรัฐบอกว่า ผลกระทบจากการปิดบังข้อมูลที่มีความเสี่ยงสูงของบริษัท ทำให้นักลงทุนถูกหลอกให้หลงเชื่อ เช่นในกรณีของเฟรดดี้ แม็ค ที่ระบุในแถลงการณ์ว่า แทบจะไม่มีซับไพร์ม หรือ เงินกู้คุณภาพต่ำอยู่ในบัญชีเลย ทำให้นักลงทุนสูญเสียโอกาสในการเลือกลงทุนตามข้อมูลที่ถูกต้อง
ขณะที่แฟนนี่เม บอกนักลงทุนเมื่อปี 2550 ว่า ทางธนาคารมสินทรัพย์ซึ่งเป็นสินเชื่อคุณภาพต่ำ หรือ ซับไพร์ม เพียง 144,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของสินทรัพย์ทั้งหมด แต่ความเป็นจริง กลต.ระบุว่าทางธนาคารถือซับไพร์มมากถึง 1,290,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 ของสินทรัพย์ที่ถือไว้ทั้งหมด
ทั้งแฟรนี่เม และ เฟรดดี้แม็ค เห็นชอบร่วมกันกับรัฐบาลเมื่อวานนี้ และ ยอมรับผิดชอบสิ่งที่ก่อไว้ทั้งหมดโดยไม่มีการยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา รวมทั้งเห็นชอบที่จะร่วมมือกับกลต.ในคดีที่ฟ้องอดีตผู้บริหารของบริษัทด้วย