พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีระเบิดในซอยสุขุมวิท 71 เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐาน พร้อมพิจารณาข้อมูลในการยื่นขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม โดยตำรวจได้หลักฐานจากภาพวงจรปิดที่แสดงให้เห็นชายต่างชาติที่ออกจากบ้านก่อนเกิดเหตุระเบิด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าชายคนดังกล่าวคือนายนิคคาฟาร์ด จาวัดหรือไม่ แต่การตรวจสอบภาพจากหนังสือเดินทางพบว่ามีใบหน้าที่คล้ายกันมาก
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่จะพยายามทำงานให้รอบคอบและรัดกุม หากมีพยานหลักฐานชัดเจนจะขอหมายจับทันที และยังเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่าที่ตำรวจมีข้อมูล
ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวน ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้ว 16 ปาก รวบรวมวัตถุพยานจาก 3 จุด คือภายในบ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31, บริเวณกลางซอยปรีดีพนมยงค์ 31 และหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา
ส่วนการนำตัวนายชีดาการ์ดซาเดค มะห์ซุส ซึ่งประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้กลับมาดำเนินคดีในไทยนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ปี 2551
ขณะที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบบ้านเช่าและห้องพัก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชาวตะวันออกกลางมาเช่า เพื่อเป็นการติดตามเฝ้าระวัง
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เรียกประชุมหน่วยความมั่นคง เพื่อหารือถึงความคืบหน้าเหตุระเบิด โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่มีใครให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยผลการปรชุมแต่อย่างใด