แม้จะมีกระแสข่าวการเข้ามาของกลุ่มบุคคลต้องสงสัย สัญชาติอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่อาจรับอุดมการณ์ของกลุ่มไอเอส ใน อ.สุไหง โก-ลก จ.นราธิวาส แต่สำหรับนายรอมฎอน ปันจอร์ เจ้าหน้าที่ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ มองว่าความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มไอเอส และกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีความชัดเจนแต่แนวคิดในการตั้งรัฐอิสลามบริสุทธิ์ของกลุ่มไอเอสและกลุ่มแนวร่วมที่มีแนวคิดสุดโต่งบางคน นายรอมฎอน ยอมรับว่า มีความคล้ายกันอยู่ แต่ยืนยันว่า การสร้างอุดมการณ์ร่วมของกลุ่มก่อเหตุสามารถป้องกันได้หากรัฐบาลเปิดใจกว้างให้มีการพูดคุยถึงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เพื่อไม่ให้เกิดการกดทับทางความรู้สึก เพราะการเปิดเวทีให้ถกเถียงด้วยข้อมูลอย่างเสรี จะทำให้เกิดความเข้าใจและมีการถ่วงดุลกันเอง
นอกจากนี้ นายรอมฎอน เห็นว่า ไทยและหลายประเทศในอาเซียน ต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับรูปแบบการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านข้อมูลข่าวสาร ในสังคมปัจจุบันที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นหลัก
สอดคล้องกับคำยืนยันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ระบุว่ารัฐบาลมีแนวทางที่กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านแล้ว รวมถึงด้านข้อมูลข่าวสารที่จะต้องมีทุกระดับและตลอดเวลา และหลักการของแผนปฏิบัติคือความร่วมมือไม่ว่าจะกำลังคน เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์และกฎหมาย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า รัฐบาลกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวว่ากลุ่ม ไอเอส ในไทย ด้วยเหตุผลว่าเป็นนโยบายด้านความมั่นคง ซึ่งทุกข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเทศและประชาคมโลก ถือเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความชัดเจน เพื่อความร่วมมือ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก