พรรคภูมิใจไทยเตรียมปรับโครงสร้างพรรคหลังฎีกาตัดสินยกคำร้อง กกต.
ผลจากศาลฏีกาแผนคดีเลือกตั้งวินิจฉัยยกคำร้องของ กกต. เพราะหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือให้ใบแดง นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ อาจลดกระแส "ผึ้งแตกรัง" ลงไปบ้างแต่การดำรงอยู่ของ พรรคภูมิใจไทยจากนี้ อาจต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสของการเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะการวางบทบาททางการเมืองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และวางแนวทางทางการเมืองเตรียมรับสมาชิกบ้าน 111 หรือสมาชิกพรรคที่พ้นโทษตัดสิทธิ 5 ปี กลับเข้าสู่พรรคอีกครั้ง ซึ่งคาดการณ์แล้วไม่น้อยกว่า 10 คน จึงถือเป็นก้าวเขยิบจากพรรคอันดับ 3 เตรียมพร้อมไปสู่อันดับ 2 และ 1 ในอนาคต
ไม่แปลกหากนโยบายของพรรคจะชู "เรื่องความปรองดอง" เพราะถือเป็นหลักการสำคัญที่ชูมาโดยตลอด แต่ "บุคลากร" ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เกื้อหนุนต่อภาพลักษณ์ของพรรค ดังนั้นการวางตัวหัวหน้าพรรค จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ เห็นว่าหากพรรคภูมิใจไทยจะยึดหลักการ "ปรองดอง" ก็มองว่า นายเนวิน ชิดชอบ หรือ นายอนุทิน ชาญวีระกูล ไม่สามารถตอบโจทย์ความเป็นกลางทางการเมืองได้ ตลอด 6 - 7 เดือนที่ผ่านมา บทบาทของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้แสดงออกถึงบทบาท และผลงานมากนักเพราะมี 3 ปัจจัยกดดันอยู่ทั้งคดีใบแดง, เหตุผลการแพ้เลือกตั้ง และกระแสตอบรับพรรคเพื่อไทย รวมถึงอาจมีความหวังที่จะเป็นพรรคอะไหล่ แต่นับจากนี้ไปไม่เพียงการกำหนดว่าเป็นพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคสนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังต้องวางอนาคตทางการเมืองของพรรคอีกด้วย