วันนี้ (29 เม.ย.2559) พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า กระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ยังคงดำเนินการต่อไป และยังคงอยู่ในกรอบนโยบายของนายกรัฐมนตรีในระยะของการสร้างความไว้วางใจ ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการและไม่ได้หยุดชะงักแบบที่สื่อมวลชนบางสำนักและนักวิเคราะห์บางท่านเข้าใจ โดย พล.อ.อักษราระบุว่า มีความพยายามนำไปเชื่อมโยงกับการปลด พล.ท.นักรบ บุญบัวทอง ออกจากตำแหน่งเลขานุการคณะพูดคุยสันติสุขของฝ่ายไทย
พล.อ.อักษรากล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2559 คณะพูดคุยสันติสุขได้เดินทางไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้เห็นต่างฯ หรือ "Party B" โดยฝ่ายไทยได้ฝากความปรารถนาดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปยังผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการพูดคุยสันติสุขและขอบคุณที่ทุกฝ่ายยังคงร่วมกันพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ต่อไป
พล.อ.อักษรา กล่าวว่า ฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้เห็นต่างยังเห็นไม่ตรงกันเพียงเรื่องเดียว คือการตั้งคณะทำงานเทคนิคด้านการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างความไว้วางใจกับประชาชน แต่ทางฝ่ายผู้เห็นต่างอยากให้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วม (ทีโออาร์) ซึ่งจะต้องพิสูจน์ความไว้วางใจกันก่อน เพราะทีโออาร์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือ หากยังมีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ สังคมจะไม่ไว้ใจกระบวนการพูดคุยสันติสุข เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องยุติความรุนแรงในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งให้ได้ก่อน แล้วจึงมาร่วมกันจัดทำข้อตกลงให้ครอบคลุมการปฏิบัติในห้วงเวลาของระยะการสร้างความไว้วางใจ
สำหรับสิ่งที่รัฐพยายามทำ คือแยกกลุ่มผู้เห็นต่างที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ออกจากขบวนการผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งกลุ่มผู้เห็นต่างหรือ "Party B" ก็มีความเข้าใจ ซึ่งเมื่อไว้ใจแล้วก็จะเกิดความร่วมมือในการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันต่อไป ส่วนบันทึกข้อตกลงที่ดำเนินการมาแล้ว ฝ่ายรัฐจะได้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปตรวจดูถ้อยคำไม่ให้ขัดแย้งต่อกฎหมายและกติกาสากล โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะนำเสนอนายกรัฐมนตรีเห็นชอบก่อน
หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขยืนยันว่า การพูดคุยเพื่อสันติสุขมิได้หยุดชะงักลง
สำหรับการเปลี่ยนตัว พล.ท.นักรบ อดีตรองผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 และเลขานุการคณะพูดคุยสันติสุขนั้น พล.อ.อักษราชี้แจงว่า ผู้ร่วมในคณะพูดคุยทั้งหัวหน้าคณะฯ และผู้แทนส่วนราชการอีก 8 หน่วยงานล้วนแต่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี และในช่วงนี้มีการปรับเปลี่ยนตามวาระ แต่กระบวนการพูดคุยยังดำเนินการต่อไปตามปกติ