นักวิชาการ วอนรัฐทบทวนข้อตกลงว่าจ้างโครงการจัดการน้ำระยะยาว
จนถึงขณะนี้ฝนที่ตกในปีนี้ยังมีปริมาณน้ำฝนไม่มากเท่ากับปีที่แล้ว เพราะยังไม่มีพายุพัดเข้ามาส่งผลกระทบกับประเทศไทย ประกอบกับรัฐบาลได้สั่งการให้เขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนืออย่างเขื่อนภูมิพล และสิริกิตต์พร่องน้ำให้เหลือเพียงร้อยละ 45 ทำให้รัฐบาลมั่นใจว่า ปีนี้การบริหารจัดการน้ำจะเป็นไปตามแผน แม้ว่าโครงการระยะเร่งด่วนปีนี้ยังไม่เสร็จสิ้น โดยเฉพาะการยกถนนระยะทางกว่า 500 กิโลเมตรขึ้นเป็นคันปิดล้อมให้สูงขึ้น 0.50-1เมตร เพื่อปกป้องจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจ แต่กระทรวงคมนาคมก็ยังคงยืนยันว่าการยกถนนจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
ส่วนแผนการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในระยะยาว ที่เน้นการก่อสร้างต่างๆ วงเงินกว่า 350,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลกำลังเชิญชวนให้ทั้งบริษัทไทย และต่างชาติเข้ามาทำข้อตกลงว่าจ้าง (ทีโออาร์) นั้น ในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ รัฐบาลจะชี้่แจงรายละเอียดอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนักวิชาการจำนวนมากที่มองว่า เป็นการดำเนินการที่เร่งรีบจนเกินไป ไม่มีความชัดเจน จึงอาจทำให้โครงการที่ กยน.วางแผนไว้แต่ต้นผิดเพี้ยนไปได้
ขณะที่นักวิชาการจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ข้อตกลงว่าจ้างของรัฐบาลแยกออกเป็น 2 ส่วน คือคัดเลือกบริษัทที่มีคุณสมบัติศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ทำหน้าที่สร้างการมีส่วนร่วมรับฟังความเห็นของประชาชน และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน แล้วจึงค่อยเปิดประมูลบริษัทก่อสร้างต่อไป