การประชันวิสัยทัศน์ที่เป็นการพบกันครั้งแรกของ "คามาลา แฮร์ริส-โดนัลด์ ทรัมป์" กำลังจะเริ่มขึ้นท่ามกลางการจับตาของคนทั่วโลก บางคนมองว่าเป็นการเปิดตัวแฮร์ริสในเวทีระดับประเทศครั้งแรกหลังห่างหายไปตั้งแต่ปี 2563 ขณะที่ทรัมป์ดีเบตมาแล้วอย่างโชกโชนถึง 6 ครั้ง
คามาลา แฮร์ริส สร้างสถิติใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ตั้งแต่นั่งเก้าอี้อัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียมาจนถึงรองประธานาธิบดี เคยรักษาการประธานาธิบดี 85 นาทีขณะที่ไบเดนส่องกล้องลำไส้ถือเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ดังกล่าว
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ทั่วโลกจะได้ฟังสุนทรพจน์ของ "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ว่ากันว่ารื้อใหม่ทั้งหมดหลังเฉียดตายในเหตุพยายามลอบสังหารเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ท่ามกลางแรงกดดันในฝั่งเดโมแครตต่อ "โจ ไบเดน" ที่หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
สงครามรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น หลัง "ไบเดน" ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมไฟเขียวให้ใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย ตามคำร้องขอของผู้นำยูเครนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ด้านสมาชิกรัฐสภารัสเซีย ออกมาตอบโต้ข่าวการไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของไบเดน โดยระบุว่า ชาติตะวันตกกำลังทำให้ความขัดแย้งยกระดับเพิ่มขึ้น จนอาจส่งผลให้สถานะความเป็นรัฐของยูเครนถึงจุดจบได้
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน เป็นความขัดแย้งที่มีขอบเขตกว้างกว่าเรื่องการค้า แต่ครอบคลุมทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี สนทนากับ รศ.ดร. สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ถึงปัจจัยแห่งความขัดแย้งที่สำคัญกว่าการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงการใช้มาตรการในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน ที่มักถูกกล่าวหาจากสหรัฐอเมริกา ว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญา นำมาซึ่งปิดกั้นการลงทุนในด้านการค้าและบริการกับบริษัทในต่างประเทศ
วันนี้ (25 ก.ค. 67) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงอย่างเป็นทางการจากทำเนียบขาว หลังจากประกาศถอนตัวจากการสู้ศึกเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.นี้ ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคี และการปกป้องระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ให้มั่นคงแข็งแรง ไบเดนสนับสนุนให้แฮร์ริสเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากแฮร์ริสมีทั้งประสบการณ์ ความแข็งแกร่ง และความสามารถ ผู้นำสหรัฐฯ ยังหยิบยกประเด็นการปฏิรูปศาลสูงสุดขึ้นมาเป็นวาระแรก เนื่องจากศาลสูงสุดเป็นกลไกสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยสหรัฐฯ หลังจากผู้พิพากษาศาลสูงสุด ส่วนใหญ่มาจากฝ่ายอนุรักษนิยม ทำให้พรรครีพับลิกันครองความได้เปรียบในการวินิจฉัยประเด็นต่าง ๆ
วันนี้ (22 ก.ค. 67) ภายหลัง “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจถอนตัวจากศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปลายปีนี้ หลังเผชิญแรงกดดันมานานนับเดือนนั้น ปรากฏว่าผู้นำชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ต่างพากันกล่าวชื่นชมโจ ไบเดน ที่ตัดสินใจดังกล่าว อย่าง จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา โพสต์ข้อความใน X ว่า ไบเดนเป็นคนดี และทุกสิ่งที่ไบเดนทำล้วนเกิดจากความรักที่มีต่อประเทศ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ขอบคุณไบเดนสำหรับความร่วมมือ ที่ทำให้ NATO แข็งแกร่ง และสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ดีและเชื่อถือได้ การตัดสินใจไม่ลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้ง เป็นสิ่งที่สมควรแก่การจดจำ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่าเคารพการตัดสินใจของไบเดน และเฝ้ารอที่จะได้ทำงานร่วมกับเขา ในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กักตัวจากการป่วยเป็นโควิด-19 อีกรอบ และต้องพักการเดินสายหาเสียง แต่อีกด้านหนึ่ง วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ซึ่งเราจะได้รับฟังสุนทรพจน์ของโดนัลด์ ทรัมป์ หลังถูกลอบยิง ในที่สุดสุนทรพจน์ที่ว่ากันว่า รื้อใหม่ทั้งหมดหลังเฉียดตายในเหตุพยายามลอบสังหารเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ทำให้เป็นที่สนใจมากกว่าอดีตผู้นำคนนี้จะเปลี่ยนแนวไปสักแค่ไหน ท่ามกลางแรงกดดันในฝั่งเดโมแครตต่อโจ ไบเดน ที่หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ
เหตุพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” กลบกระแสเรียกร้องให้ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันหลีกทางไม่ลงเลือกตั้งอีกสมัยได้ไม่นาน ล่าสุด “อดัม ชิฟฟ์” สส. พรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นคนล่าสุดที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดันโจ ไบเดน ให้สละตำแหน่งว่าที่ตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดี อดัม ชิฟฟ์ ให้เหตุผลว่าไบเดนควรเปิดทาง ให้เดโมแครตมีหนทางเอาชนะทรัมป์ ซึ่งการกลับมาเป็นผู้นำอีกสมัยของทรัมป์ จะบ่อนทำลายประชาธิปไตยในสหรัฐฯ
โจ ไบเดน กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสมาชิกพรรคเดโมแครตมากขึ้น หลังจากการประชันวิสัยทัศน์ ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาถือไพ่เหนือกว่า ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯ เดินสายหาเสียงในหลายพื้นที่ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ยอมถอยเพื่อปูทางสู่การเฟ้นหาตัวแทนคนใหม่
สงครามรัสเซีย-ยูเครน มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เมื่อผู้นำสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีไฟเขียวให้ยูเครนใช้อาวุธที่ตนเองมอบให้โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้ โดยเป็นการไฟเขียวให้โจมตีในเฉพาะพื้นที่ใกล้ ๆ คาร์คีฟเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้นำรัสเซียเตือนว่าหากยอมไฟเขียว อาจทำให้สงครามขยายวงไประดับโลก